หน้าฝนแล้วแนะ 6 เทคนิคดูแลเท้าในผู้ป่วยเบาหวาน

 

เข้าสู่หน้าฝนผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานอาจจะมองข้ามความสะอาดและไม่ค่อยระมัดระวังตัวเอง หากเป็นแผลที่เท้าจากการเดินลุยน้ำ ความอับชื้นที่เกิดขึ้นจากเชื้อโรคที่เท้าส่งผลให้แผลหายช้าและหายยากมากขึ้น

         

 


 

          เมื่อผู้ป่วยละเลยที่จะไปเข้ารับการรักษา แผลที่เท้าเป็นภาวะแทรกซ้อนสำคัญอาจนำไปสู่การตัดขาในที่สุด เนื่องจากผู้ป่วยเบาหวานเส้นประสาทที่เท้ามักถูกทำลาย จึงมักไม่รู้สึกเจ็บปวดจากแผล เพราะเท้าชาไม่มีความรู้สึกเหมือนคนปกติ 
           ศูนย์เบาหวาน ไทรอยด์ และต่อมไร้ท่อกรุงเทพ โรงพยาบาลกรุงเทพ เผยข้อมูลว่า เบาหวาน เป็นโรคเรื้อรังที่ก่อให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพและปัญหาหลายระบบในร่างกายไม่ว่าจะ ตา ไต หัวใจ และหลอดเลือดปัจจัยที่นำไปสู่การตัดขาในผู้ป่วยเบาหวาน คือ ภาวะการขาดเลือดไปเลี้ยงเท้า ความผิดปกติของเส้นประสาทส่วนปลายไปยังบริเวณเท้า การติดเชื้อที่เท้าภาวะการหายของแผลผิดปกติหรืออุบัติเหตุเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่ทำให้เกิดแผลที่เท้า

 


 

         และเนื่องจากในช่วงฤดูฝนมีฝนตกบ่อยและมีพื้นที่เปียกน้ำและชื้นแฉะทั้งบริเวณบ้านและด้านนอกบ้าน ผู้เป็นเบาหวานอาจเดินเหยียบน้ำโดยไม่ได้ระมัดระวัง บางครั้งเป็นน้ำขังที่สกปรกทำให้เล็บและเท้าเปรอะเปื้อนโดยไม่ได้ดูแลทำความสะอาดและเช็ดเท้าให้แห้งดีพอ สิ่งสกปรกเหล่านี้ก็เป็นสาเหตุหนึ่งของการติดเชื้อและเป็นแผลบริเวณเล็บและเท้าได้วิธีป้องกัน คือ 

1.ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด  การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ดีหรือปกติ  จะช่วยลดภาวะแทรกซ้อนต่างๆที่มักเกิดขึ้นกับผู้เป็นเบาหวาน เช่น โรคไต ประสาทตาเสื่อม เส้นประสาทรับความรู้สึกเสื่อม และควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ  อย่างน้อย 3-4 ครั้ง/สัปดาห์ ประมาณ 1 ชั่วโมง  อีกทั้งควรงดการสูบบุหรี่ เพราะจะไปทำลายเส้นเลือด

2.สวมใส่รองเท้าสบายๆ ควรเลือกใช้รองเท้าที่มีรูปทรงลักษณะเช่นเดียวกับเท้า รองเท้าจะต้องนิ่ม ด้านบนทำด้วยหนัง ไม่คับหรือหลวมจนเกินไป จนเกิดการเสียดสีเป็นแผล  หรือทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก  รองเท้าที่สวมใส่ควรช่วยให้น้ำหนักตัวกระจายลงทั่วๆเท้าและในช่วงฤดูฝนหลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำลุยโคลน หากจำเป็นให้ใส่รองเท้าบู๊ทหรือรองเท้าหุ้มส้นเพื่อป้องกันไม่ให้เท้าเปียกน้ำ

3.ดูแลรักษาเท้าอย่างดีทุกวัน หมั่นตรวจเท้าดูบริเวณซอกนิ้วเท้า หลังเท้า และฝ่าเท้าเป็นประจำทุกวันว่ามีอาการปวดบวม มีแผล รอยช้ำ ผิวเปลี่ยนสีหรือเม็ดพอง โดยตรวจทั่วทั้งฝ่าเท้า ส้นเท้า หากพบความผิดปกติควรปรึกษาแพทย์ทันที มีรอยแตกย่นหรือไม่ถ้าผิวแห้งอาจทำให้คัน หากมีการเกาจะเกิดรอยแตกติดเชื้อได้ง่าย ให้ทาครีมบางๆเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ไม่ควรเดินเท้าเปล่าเพราะอาจเหยียบของมีคมได้ ซึ่งจะทำให้เกิดแผลที่เท้า

 


 

4.สังเกตเชื้อราที่เล็บ ผู้เป็นเบาหวานมักเกิดเชื้อราที่เล็บได้ง่าย ดังนั้นควรตรวจดูสภาพเล็บอย่างสม่ำเสมอ ถ้าเกิดเชื้อราขึ้นควรไปพบแพทย์หรือทำการรักษา

5.ล้างเท้าทำความสะอาดเล็บและเท้าด้วยสบู่อ่อนๆธรรมดาและใช้ผ้าซับเท้า โดยเฉพาะบริเวณซอกนิ้วเท้าให้แห้ง เพื่อป้องกันการอับชื้นหรือเชื้อรา

6.ตัดเล็บ ควรตัดเล็บเท้าอย่างสม่ำเสมอ และควรตัดเล็บเท้าลักษณะปลายตรงให้สั้นพอประมาณโดยไม่ตัดเข้ามุมเล็บเพื่อป้องกันการเกิดเล็บขบได้แต่หากมีเล็บขบควรปรึกษาแพทย์ในส่วนของผู้เป็นเบาหวานที่เป็นผู้สูงอายุควรมีญาติหรือพยาบาลเฉพาะทางเป็นผู้ตัดเล็บให้ เนื่องจากผู้ป่วยมักมีสายตามัวลงทำให้ขาดความแม่นยำในการตัดเล็บด้วยตนเอง ซึ่งอาจส่งผลทำให้เกิดแผลที่เล็บและเท้า และเป็นสาเหตุของการสูญเสียอวัยวะส่วนนิ้วและเท้าได้

         โรคแทรกซ้อนเหล่านี้อาจป้องกันได้ถ้าได้รับการดูแลเท้าและเล็บเป็นอย่างดี การใส่รองเท้าที่พอเหมาะไม่คับหรือกดจนเกินไป และเมื่อเกิดแผลต้องพยายามอย่าลงน้ำหนักที่แผล วิธีที่ปฏิบัติได้ง่ายๆ คือ การนอนพักอย่าพยายามเดินถ้าไม่จำเป็น ควบคุมน้ำตาลในเลือดให้เป็นปกติ และควรงดสูบบุหรี่เพราะบุหรี่มีส่วนสำคัญในการหายช้าของแผลและงดการเดินลุยน้ำโดยไม่ระมัดระวัง

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์เบาหวาน ไทรอยด์ และต่อมไร้ท่อกรุงเทพโทร. 02-755-1129-30หรือ Call Center โทร.1719