"รอยสัก" อันตรายกว่าที่คุณคิด
category: Health
tag: รอยสัก อันตรายจากรอยสัก สมาคมแพทน์ผิวหนังแห่งประเทศไทย
สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย ออกมาเตือนภัยผู้ชอบนิยม “การสัก” ให้ระวังภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากการสัก เผยส่วนประกอบของสีที่นำมาสัก มีส่วนประกอบของสารก่อมะเร็งพวก diolepoxide หรือหากเกิดการเจ็บป่วย และต้องเข้าตรวจด้วยเครื่อง MRI อาจเกิดอาการข้างเคียง นอกจ
![](/uploads/contents/20150827124616_azesrj.jpg)
ดร. นพ. เวสารัช เวสสโกวิท ประธานฝ่ายจริยธรรมสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทยเปิดเผยว่า ในปัจจุบันการสักผิวหนังเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย บางคนสักเป็นแฟชั่นเหมือนดาราชื่อดังหลาย ๆ คน บางคนสักเพื่อลดระยะเวลาในการแต่งหน้า อาทิ สักคิ้วถาวร สักริมฝีปากชมพู เป็นต้น ในส่วนของสีที่สักนั้น จะไม่อยู่ในบริเวณที่สักนาน หลังจากการสัก 6 สัปดาห์จะเหลือเพียงร้อยละ 32 ในบริเวณที่สัก ถ้าผ่านไประยะยาว ๆ จะเหลือเพียงร้อยละ 1-13 โดยสีจะกระจายไปที่ต่อมน้ำเหลืองบริเวณใกล้เคียง นอกจากนั้นสียังมีการเปลี่ยนแปลงได้ หลังจากบริเวณที่สักถูกแสงแดด เช่น สีบางสีจะซีดลง รังสียูวีเอในแสงแดด ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงของส่วนประกอบในสี เกิดเป็นสารก่อมะเร็งพวก diolepoxide
![](/uploads/contents/20150827124150_qnwvke.jpg) ดร. นพ. เวสารัช เวสสโกวิท
ดร. นพ. เวสารัช กล่าวว่าภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากการสักนั้น พบได้ร้อยละ 75 ของผู้สักทั้งหมด โดยจะเป็นอาการตั้งแต่หลังสัก แบ่งเป็นอาการทางผิวหนังร้อยละ 68 คือ ตกสะเก็ด มีอาการคัน เลือดออก บวม ตุ่มน้ำ เป็นหนอง ส่วนอาการทั่วไป ได้แก่ มีอาการมึนงง ปวดศีรษะ เป็นไข้ ปวดเมื่อย พบได้ร้อยละ 7 และพบภาวะแทรกซ้อนเรื้อรังจากการสัก พบได้ร้อยละ 6 จากผู้สักทั้งหมด เช่น แผลเป็น บวมเป็น ๆ หาย ๆ ไวต่อแสง คัน รอยสักนูน สิว ตุ่ม ชา ปัญหาทางจิตประสาท เป็นต้น
สำหรับภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง พบได้หลายอย่าง เช่น อาจทำให้เกิดการแพ้ในบริเวณที่สัก ทำให้ผิวนูน ตะปุ่มตะป่ำ หรือเกิดเป็นแผลเรื้อรัง เนื่องจากแพ้สีที่สัก การสักไม่ถาวรที่เรียกว่าสักเฮนน่า ควรจะใช้เฮนน่าที่มาจากธรรมชาติ แต่มีผู้สักมักง่าย ใช้ยาย้อมผมเคมีที่ประกอบไปด้วยสาร paraphenylene diamine มาใช้แทน ทำให้เกิดอาการแพ้รุนแรงจนอาจเป็นแผลเป็นถาวรได้ การติดเชื้อจากการสักเกิดได้จากเชื้อหลาย ๆ ชนิด ตั้งแต่ไวรัสตับอักเสบชนิดบีและซี เชื้อเอชไอวี แบคทีเรียและไมโครแบคทีเรีย เชื้อราและซิฟิลิส เมื่อผู้มีรอยสักมีอาการเจ็บป่วยจำเป็นต้องเข้ารับการตรวจด้วยเครื่อง MRI อาจทำให้มีอาการเจ็บ บวม แดง ในบริเวณที่เป็นรอยสัก เนื่องจากสีหลากหลายสีที่นำมาสัก มีส่วนประกอบของธาตุเหล็ก
![](/uploads/contents/20150827122932_usjzyt.jpg)
สาเหตุที่เกิดภาวะแทรกซ้อนและติดเชื้อ เกิดได้จาก 5 ปัจจัย ได้แก่ 1.เกิดจากสี ที่ใช้สักและการปนเปื้อนของสีและน้ำที่มาเจือจางสีปนเปื้อนเชื้อ 2.เกิดจากเทคนิคการสักที่ไม่ดี 3.สถานที่สักไม่ปลอดเชื้อ 4. เครื่องมือที่ใช้สักไม่ได้มาตรฐาน และ 5. จากปัจจัยของแต่ละบุคคลเอง
สีที่ใช้สัก มีปริมาณมีน้อยกว่าที่ใช้ในอุตสาหกรรมอื่นๆ จึงไม่มีการผลิตสีที่ใช้สำหรับการสักโดยตรง แต่ใช้สีที่มาจากอุตสาหกรรมอื่น ๆ อาทิ สีเคลีอบรถยนต์ สีที่มาจากหมึกพิมพ์ เป็นต้น เป็นสีที่ผลิตออกมาออกมาเพื่อใช้ในงานด้านอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะ เมื่อมีการนำมาใช้กับคนจึงไม่มีความปลอดภัย และมีการปนเปื้อนของสารก่อมะเร็งประเภท polycyclic aromatic hydrocarbons ในปริมาณสูงมาก สารต่าง ๆ อีกมาก ตลอดจนโลหะหนักต่างๆ โดยเฉพาะโลหะปนเปื้อนนิกเกิ้ล พบในทุกสี
สีดำเป็นสีที่นิยมใช้ในการสักมากที่สุด มีส่วนประกอบหลักคือ carbon black ที่ใช้ในอุตสาหกรรมยางรถยนต์ พลาสติก และอุตสาหกรรมสี มีส่วนประกอบหลายอย่างที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ในคน มีการปนเปื้อนสารก่อมะเร็งในปริมาณสูง เกินกว่าค่าที่ยอมรับได้ถึง 23,500 เท่า แม้ว่าสารก่อมะเร็งจะพบในปริมาณสูงมาก แต่จากรายงานเกี่ยวกับมะเร็งผิวหนัง กลับพบค่อนข้างน้อย เนื่องจากสารก่อมะเร็งและโลหะหนักเหล่านี้เกาะกันเป็นโมเลกุลขนาดใหญ่ แต่จากการใช้เครื่องเลเซอร์ลบรอยสัก พบว่าทำให้ขนาดอาณุภาคของสีสักลดลงได้ถึง 8 เท่า และมีการปล่อยสารก่อมะเร็งต่าง ๆ ออกมาจากเม็ดสีเป็นปริมาณมาก ถ้าเปรียบเทียบทางการแพทย์ สำหรับผู้ที่เปลี่ยนข้อสะโพกเทียมชนิดที่เบ้าและหัวกระดูกเป็นโลหะทั้งคู่ พบว่าการเสียดสีขณะใช้ ทำให้มีปฏิภาคโลหะออกมาจากข้อเทียมก่อให้เกิดผลเฉพาะที่ และตรวจพบปริมาณโลหะหนักโคบอลต์เพิ่มปริมาณมากขึ้นในกระแสโลหิต ก่อให้เกิดอาการอาการทางประสาท เช่น เหนื่อย เดินเซ สมรรถนะของการรู้คิด (cognitive function) ลดลง เช่นเดียวกัน การลบรอยสักด้วยเลเซอร์ก็ทำให้มีปฏิภาคโลหะหนักและสารก่อมะเร็งต่างๆ ออกมาจากสีที่ใช้สัก แต่ยังไม่มีข้อมูลมากพอที่จะบอกได้ว่าการลบรอยสักจะก่อให้เกิดผลเสียแก่ตัวผู้ป่วยระยะยาวมากน้อยแค่ไหน ตั้งแต่มีการศึกษาผลกระทบจากการใช้เลเซอร์รักษารอยสักกับการปล่อยสารก่อมะเร็งต่างๆ ออกมาจากเม็ดสี ทำให้ในบางประเทศ เช่น เยอรมนี แพทย์จะปฏิเสธที่จะใช้เลเซอร์รักษารอยสักในผู้ป่วย เนื่องจากอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนระยะยาวที่ยังไม่ทราบแน่ชัด
![](/uploads/contents/20150827122932_fkzphr.jpg)
สำหรับความพึงพอใจในการสักนั้น จากผลสำรวจผู้มีรอยสักพบว่า ผู้ที่ถูกสักมีความพึงพอใจ คิดเป็นร้อยละ 86 ร้อยละ 8 มีความพึงพอใจแต่ไม่ต้องการสักเพิ่มเติมอีก และร้อยละ 5 ต้องการลบรอยสักออก โดยในต่างประเทศ อย่างเช่น สหรัฐอเมริกา มีจำนวนผู้สักร้อยละ 24 ของประชากร คิดเป็นจำนวน 80 ล้านคน ในยุโรป ความชุกของการสักต่างกันไปในแต่ละประเทศ เช่น ในสหราชอาณาจักร มีประชากรที่มีรอยสักร้อยละ 12 คิดเป็นจำนวน 7 ล้านคน ในประเทศเยอรมัน มีผู้สักร้อยละ 9 ของประชากร คิดเป็นจำนวน 8 ล้านคน โดยมีกลุ่มผู้สักอยู่ในช่วงอายุ (15 - 29 ปี) ถึงร้อยละ 23 นอกจากนี้ผู้ที่มีรอยสักจำนวน 3,411 คนในกลุ่มประเทศที่ใช้ภาษาเยอรมันพบว่าอายุเฉลี่ย 29.3 ปี โดยอายุที่เริ่มสักพบมากที่สุดคีอ 18 ปี เป็นเพศหญิงถึงร้อยละ 58.9 โดยร้อยละ 61.1 จะสักขนาดใหญ่กว่า 300 ตร.ซม. และร้อยละ 64.9 สักมากกว่า 1 ตำแหน่ง เกือบร้อยละ 60 สักเป็นสีดำอย่างเดียว ร้อยละ 30 สักสีอื่นๆ ร่วมกับสีดำ และร้อยละ 10 สักสีอื่นๆ โดยไม่มีสีดำ สีที่ใช้สัก ถ้าเป็นสักลวดลายสวยงาม มักใช้สีสดใส ส่วนใหญ่ในยุโรปสีเหล่านี้จะมาจากสหรัฐอเมริกา แต่ถ้าเป็นสีเพื่อปกปิด มักใช้สีที่กลมกลืนดูเป็นธรรมชาติ เป็นสีที่ผลิตในยุโรปประมาณร้อยละ 70-80
![](/uploads/contents/20150827122932_gxvmaa.jpg)
ในเรื่องของแนวทางการควบคุมทางกฏหมายนั้น ในประเทศไทยและในอีกหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก การสักยังไม่มีการควบคุม สีที่ใช้สักไม่ถือว่าเป็นยาหรือเป็นเครื่องสำอาง การสักไม่ถือเป็นหัตถการทางการแพทย์ การควบคุมในปัจจุบันอาจทำได้เพียงผ่านสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เท่านั้น วิธีการตรวจสอบสีต่าง ๆ ยังไม่มีมาตรฐานกลางทั่วโลก แต่ภายในประเทศไทยได้เริ่มมีการพยายามสร้างทีมที่ประกอบด้วยตัวแทนจากหลาย ๆ สาขาวิชาชีพ เพื่อนำไปสู่การกำหนดมาตรฐานต่าง ๆ เกี่ยวกับการสัก จึงขอฝากเตือนให้ผู้ที่ต้องการสัก คิดสักนิดเกี่ยวกับอันตรายจากการสัก เมื่อสักไปแล้ว มีผู้สักในประเทศไทยถึงร้อยละ 5 รู้สึกเสียใจ ซึ่งหากต้องการลบรอยสักออกนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย อันตรายจากการลบรอยสักอาจเกิดขึ้นจากการปล่อยสารมะเร็งและโลหะปนเปื้อนต่าง ๆ ออกไปในกระแสโลหิต ซึ่งยังไม่มีใครทราบเกี่ยวกับผลข้างเคียงในระยะยาวจากการลบรอยสัก
|