สุขภาพของคุณอาจถูกทำลายจาก “น้ำตาลและสารให้ความหวาน”
category: Health
tag: น้ำตาล นายแพทย์สมบูรณ์ รุ่งพรชัย Vitallife Wellness Center
การบริโภคน้ำตาลมากเกินไปทำให้เสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน โรคอ้วน และ โรคไขมันพอกตับ ที่น่ากังวลก็คือ ปัจจุบันพบว่ามีอัตราการเกิดโรคเหล่านี้สูงในกลุ่มคนหนุ่มสาวและเด็กซึ่งต่างจากในอดีตที่ผู้ป่วยโรคเบาหวานมักจะเป็นผู้ใหญ่ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป
นายแพทย์สมบูรณ์ รุ่งพรชัย (Vitallife Wellness Center) แนะนำให้ทุกคนบริโภคน้ำตาลแต่พอดี และควรเลือกรับประทานน้ำตาลชนิดที่มีประโยชน์ เพราะน้ำตาลแต่ละชนิดให้ผลไม่เหมือนกัน
กลูโคส เป็นน้ำตาลที่ร่างกายสร้างขึ้นมาเองตามธรรมชาติ จากการเปลี่ยนพลังงานคาร์โบไฮเดรตที่ได้จากข้าวหรือพาสต้า กลูโคสถูกดูดซึมสู่ตับได้โดยง่ายและจะถูกส่งต่อไปยังส่วนต่างๆของร่างกาย กลูโคสเป็นสิ่งสำคัญเพราะเป็นแหล่งพลังงานหล่อเลี้ยงเซลต่างๆในร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เซลล์สมอง ส่วน ฟลุคโตส เป็นสิ่งที่ตรงกันข้าม เพราะเป็นน้ำตาลที่พบได้ในผัก และผลไม้ที่เติมเข้าไปในเครื่องดื่มอย่าง เช่น น้ำอัดลม น้ำผลไม้กล่อง มันแตกต่างจากกลูโคสเนื่องจากฟลุคโตสไม่ได้สร้างพลังงานให้กับกล้ามเนื้อหรือสมอง แต่มันจะถูกส่งตรงไปที่ตับและสะสมเป็นไขมันและไม่ได้ถูกดึงมาใช้งาน
“ฟลุคโตสไประงับการกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารอิซูลิน คนที่บริโภคฟลุคโตสเป็นจำนวนมาก มีความเสี่ยงสูงในการเป็นโรคที่เกิดจากการเผาผลาญอาหารผิดปกติอย่าง เช่น ความดันสูง น้ำตาลในเลือดสูง โรคอ้วนลงพุง ระดับคลอเลสเตอรอลผิดปกติ ซึ่งนำไปสู่การเกิดโรคหัวใจและเบาหวาน น้ำเชื่อมที่มีฟรุคโตสสูง (High-Fructose Corn Syrup) – เป็นสารให้ความหวานแทนน้ำตาลที่มีราคาถูกที่สกัดจากข้าวโพด สารนี้ได้ใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มและอาหาร และเป็นมหันตภัยความหวานอันดับแรกที่เราควรหลีกเลี่ยง”
การบริโภคน้ำเชื่อมฟรุคโตสสูงในปริมาณสูงถึง 42-55% นั้นแสดงให้เห็นถึงปัญหาด้านสุขภาพ เนื่องจากจะทำลายระบบทำงานของตับ และไประงับเล็ปตินฮอร์โมนหรือฮอร์โมนอิ่ม ทำให้เราไม่รู้จักอิ่มและทานเกินความต้องการ ผลวิจัยในสหรัฐอเมริกาพบว่า น้ำเชื่อมฟรุคโตสสูงนั้นเป็นพิษต่อร่างกายและสามารถทำลายระบบลำไส้อีกด้วย ดังนั้นเพื่อควบคุมปริมาณน้ำตาลและฟรุคโตสที่าบริโภคในแต่ละวัน จึงควรอ่านฉลากบนกล่องอาหารหรือเครื่องดื่ม เพื่อดูว่ามีปริมาณน้ำตาลหรือฟรุคโตสผสมอยู่มากแค่ไหน แต่สิ่งที่ดีที่สุดคือควรทำอาหารทานเอง เพราะจะทำให้เราสามารถควบคุมสิ่งที่เราใส่ไปในอาหารได้
คนส่วนมากชอบทานของหวาน ที่จริงเราสามารถทานน้ำอัดลม คุ๊กกี้ ไอศครีม หรือชอกโกแลตได้บ้างเป็นครั้งคราว แต่ไม่ควรทานเป็นประจำ และเราก็สามารถใส่น้ำตาลลงไปในอาหารที่เราทำได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงการใช้อาหารแปรรูปที่ผสมน้ำตาลอย่าง เช่น ซอสมะเขือเทศ เป็นต้น ซึ่งการทำอาหารทานเองเราสามารถเพิ่มทางเลือกในการปรุงรสหวานได้จากสมุนไพรอย่างเช่น หญ้าหวาน หรือน้ำผึ้งธรรมชาติ และใช้น้ำตาลอ้อยในปริมาณน้อยลง
นายแพทย์สมบูรณ์ รุ่งพรชัย
|