ปุ๊กกี้ และ กฤต พลิกวิฤกตเป็นโอกาสกับการแข่งขันค้นหาคนแกร่งพันธุ์อึด ในรายการ R U Tough Enough
category: Lifestyle
tag: กฤต วงศาโรจน์ อาร์ ยู ทัฟ อีนาฟ ช่อง KIX ปุ๊กกี้-สุกานดา นาสมยนต์ R U Tough Enough
พบปุ๊กกี้และกฤต ในโครงการเฟ้นหาคนแกร่งพันธุ์อึดในรายการ R U Tough Enough? (อาร์ ยู ทัฟ อีนาฟ) กับประสบการณ์ที่ไม่ใช่ว่าใครจะผ่านมาได้ถ้าไม่อึดจริง โปรดติดตามและร่วมลุ้นว่าใครจะเป็นผู้ชนะเลิศการแข่งขันเฟ้นหาคนพันธุ์อึด) ครั้งแรกในประเทศไทย
ปุ๊กกี้ พลิกวิฤกตเป็นโอกาส ลาขาดไขมัน 20 กิโล ฟิตแอนด์เฟิร์มเพิ่มเติมคือความแกร่ง
จากคนที่ไม่เคยมีความมั่นใจเพราะน้ำหนักตัวเกือบร้อยกิโล ส่งผลให้ ปุ๊กกี้-สุกานดา นาสมยนต์ ไม่คิดจะออกไปพบเจอใคร เธอไม่มีความมั่นใจในตัวเองและคิดว่าชีวิตคงต้องเป็นยัยอ้วนให้เพื่อนๆ ตลอดไปตลอดชีวิต แต่ด้วยจุดเปลี่ยนทำให้หันกลับมาดูแลตัวเอง ถึงจะเริ่มศูนย์แต่เธอกับตัวเองว่าต้องทำให้ได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม ณ ปัจจุบันเธอลดน้ำหนักจาก 85 กก. เหลือ 58 กก.น้ำหนักหายไปถึง 20 กก. ในระยะเวลาเพียงปีกว่าๆ นอกจากการเปลี่ยนแปลงของรูปร่างที่ดีขึ้นแล้ว ความแข็งแรง และสุขภาพที่ดีก็ตามมา นั่นถึงเป็นผลพลอยได้ที่คุ้มค่ากับอุปสรรคที่ต้องฝ่าฟันเพื่อเป้าหมายที่ตัวเองว่าไว้ จนเธอได้เข้าร่วมแข่งขันR U Tough Enough? โครงการเฟ้นหาคนแกร่งพันธุ์อึด ชิงเงินรางวัล 1 แสนบาท และติด 1 ใน 10 คนสุดท้ายอีกด้วย เรียกว่าความแกร่งไม่ได้มีเพียงผู้ชายเท่านั้น ถึงจะเป็นผู้หญิงก็สามารถโชว์แกร่งได้ไม่แพ้ผู้ชายเช่นกัน
กี้เคยอ้วนที่สุดคือ 85 กิโลกรัม แต่ปกติก็เป็นคนน้ำหนักเยอะอยู่แล้วประมาณ 65-75 กิโลกรัม รูปร่างจะอวบๆ มาตั้งแต่เด็ก น้ำหนัก 85 กิโลกรัม ขึ้นมาภายในระยะเวลา 6 เดือน หลังจากลาออกจากงานที่ทำอยู่ 7 ปี ก็ตัดสินใจไปผ่าตัดเนื้องอกในรังไข่ ซึ่งจริงๆ ตรวจพบนานแล้ว แต่ยังไม่ได้ผ่าออก คุณหมอบอกว่าถ้าใหญ่กว่านี้จะเป็นอันตรายต่อรังไข่ อาจจะต้องตัดออกทั้งหมด เลยตัดสินใจผ่า พอผ่าปุ๊ปจะมีช่วงพักฟื้นที่เราเคลื่อนไหวร่างกายได้น้อย ยกของหนักไม่ได้ เดินขึ้นบันไดไม่ได้ เลยเป็นช่วงที่เริ่มกินและนอนอย่างเดียวเลย”และคุณหมอให้กินยาคุมด้วยเพื่อที่จะปรับฮอร์โมนของรังไข่ มันก็เลยเพิ่มความอยากอาหา หลังจากที่เราชอบกินอยู่แล้วก็เลยกินมากขึ้น ตามใจปากทุกอย่าง จนปล่อยให้น้ำหนักสูงสุดถึง 85 กิโลกรัมภายใน 6 เดือน
วันหนึ่งรู้สึกว่าเจ็บข้อเท้ามาก เดินแล้วเหมือนเท้าบวม เหมือนหายใจไม่ออก เหมือนจะตาย สงสัยว่าเราเป็นอะไร ตอนนั้นยังไม่รู้สึกว่าตัวเองอ้วนนะแต่คิดว่าตัวเองสวย ตอนนั้นมีเสื้อผ้าไซส์คนอ้วนแล้วก็เลยซื้อมาใส่ ฉันยังสวยอยู่ ไม่เป็นไร เพื่อนก็ไม่ได้บอกว่าอ้วน เป็นคนอ้วนจากช่วงล่าง เวลาถ่ายรูปก็ไม่รู้สึกอะไร
จนมาคิดได้ว่าทำอะไรก็ไม่ประสบความสำเร็จเลย เกิดอะไรขึ้นกับตัวเรา จึงค่อยๆ ปรับความคิด เปลี่ยนตัวเองดีกว่า เพราะไม่งั้นปล่อยต่อไปร่างกายก็แย่ ทำงานก็ไม่ดี เรื่องอื่นๆ ก็ไม่ดี ไม่มีกำลังใจไม่มีแรงบันดาลใจ ไม่รักตัวเอง อันดับแรกต้องทำให้ตัวเองดูดีก่อน จะไม่ยอมให้ความอ้วนมาทำให้เสียบุคลิก เลยปรับความคิดใหม่ดุแลเรื่องอาหาร ออกกำลังกาย ประมาณ 1 ปี น้ำหนักลด 20 กิโล แรกๆ เป็นคนที่เกลียดการวิ่งมาก ไม่เข้าใจว่าคนที่วิ่งจะวิ่งไปทำไม ไม่สนุกเลย แต่มีจุดเปลี่ยน น้ำหนักเราลดลง 10 กิโลแล้ว เราก็เลยเริ่มอยากจะพัฒนาอยากออกกำลังกายอย่างอื่นบ้าง ก็เลยไปลองวิ่งในลู่ก่อน ไปมองๆดูว่าเขาวิ่งยังไง
กี้ว่าถ้าต้องการลดน้ำหนักให้สำเร็จเรื่องของจิตใจ เรื่องการดูแลอาหารสำคัญที่สุด การเลือกกินอาหารให้เหมาะกับตัวเอง เลือกออกกำลังกายในแบบที่เราชอบและสนุกกับมัน ส่วนในเรื่องการวิ่งเหมือนเป้นการเซอร์ไพรส์ตัวเอง ว่าจากที่เราเกลียดแต่เรากลับมาชอบมากที่สุดในบรรดาการออกกำลังกายทั้งหมด เป้าหมายในการออกกำลังกายคือให้ร่างกายและสุขภาพแข็งแรง มีกล้ามเนื้อที่ดีขึ้นกว่าแต่ก่อน
จุดเริ่มต้นที่ได้เข้ามาในการแข่งขัน R U Tough Enough
ปกติเล่นฟิตเนสอยู่ที่ เอ็กซ์คลูซีฟ ฟิตเนส เห็นป้ายโฆษณาค่ะ ดูน่าสนใจมาก เหมือนกับให้เรารู้จักท้าทายตัวเอง ก้าวพ้นขีดจำกัดของตัวเอง และที่เมืองนอกมีคนเข้ามาออดิชั่นหลายพันคน เค้าดูอินกับโครงการนี้มากๆ เลยอยากจะทดสอบตัวเองว่า เรามีความสามารถมากน้อยแค่ไหน ณ ตอนนี้ ที่เราได้เริ่มออกกำลังกายมา ค่อนข้างหนักว่าปกตินิดนึง
นิยามของความแกร่ง
ความแกร่งสำหรับกี้คิดว่า อยู่ที่จิตใจก่อน ถ้าใจเราสู้ ใจเราแกร่ง ใจเราแข็งแรง เรื่องการลดน้ำหนักของเรานะคะ ปุ๊กกี้ได้ผ่านประสบการณ์ในการลดน้ำหนักมาหลายครั้งมาก คือตัวเองเป็นคนที่ เจ้าเนื้อมากตั้งแต่เด็กไม่เคยผอม ตั้งแต่เด็กโดนล้อตลอด ตูดใหญ่ ขาใหญ่ คืออ้วนตลอด แล้วมันก็ลดน้ำหนักเข้าๆ ออกๆ ไม่สำเร็จซักทีเพราะว่าใจเรายังไม่แข็งแรง เพราะฉะนั้นการที่จะลดน้ำหนักได้ ต้องมีใจที่แน่วแน่ ไม่ว่าจะมีใครมาพูดอะไรก็ตาม ถ้ามีเรามีเป้าหมายที่ชัดเจนทีนี้ความแกร่งของร่างกายตามมา
กฤต วงศาโรจน์ เพราะหัวใจที่แกร่งจึงทำให้กลับมายืนได้อีกครั้ง
“พรุ่งนี้กับชาติหน้า อะไรจะมาถึงก่อนกัน” ประโยคนี้ใช้ดีกับ กฤต วงศาโรจน์ เพราะจากเหตุการณ์เฉียดตายที่เกิดขึ้นกับตัวเองด้วยวัยเพียง 22 ปี เขาก็เป็นเหมือนวัยรุ่นธรรมดาทั่วไป ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายด้วยฐานะทางบ้านที่ค่อนข้างดี แต่แล้วจู่ๆ เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น จากการประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์อย่างรุนแรง หมอปฎิเสธการรักษาเพราะเห็นว่าเขาคงไม่รอด เปลี่ยนโรงพยาบาลมาแล้ว 2 ครั้ง นอนสลบไป 4 เดือน! ตื่นมาพร้อมกับรู้ว่าตัวเองเป็นอัมพาตครึ่งตัว และที่แย่ไปกว่านั้นคือความจำเสื่อม
เมื่อความทรงจำหายไปประกอบกับร่างกายที่ไม่สมประกอบ แน่นอนว่าชีวิตแต่ละวันผ่านไปไม่ง่ายเลย แต่ตราบใดที่ยังมีลมหายใจเขาเชื่อเสมอว่าไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ พลังของความเชื่อนี่เองที่ทำให้เค้ากลับมาเหมือนเดิมแม้จะไม่ 100% กฤตในวันนี้พกพาความแข็งแกร่ง ฝึกฝนจนได้เข้าไปติด 1 ใน10 จากการแข่งขันR U Tough Enough?โครงการเฟ้นหาคนแกร่งพันธุ์อึด จัดโดยช่อง KIX นอกจากความแกร่งภายนอกแล้ว เรายังมองเห็นไปถึงความแกร่งในหัวใจของเค้าด้วยเช่นกัน
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ตอนนั้นผมเรียนอยู่ Stamford International University หัวหิน วันนั้นกำลังจะขับรถกลับบ้านที่ราชบุรี มันเป็นช่วงกลางดึกทางก็มืดๆ ประมาณตี2 ครับ จริงๆ แล้วไม่อยากขับออกมาเลย เครียดเรื่องแฟน ทำให้เฮิร์ตมากๆ ประกอบกับช่วงนั้นอดนอนหลายวันเลย แล้วจู่ๆ เหมือนวูบไม่รู้ตัวอีกเลย เรียกว่าหลับในเป็นแบบนี้นี่เอง อีกอย่างทางขับจากหัวหินไปราชบุรีมันจะมีต้นไม้เยอะเลยมองไม่ค่อยเห็นทาง ผมคงไปชนต้นใดสักต้นนึงเข้าอย่างจัง หมอมาบอกเหมือนกันว่าไม่น่ารอด เคสแบบผมไม่มีใครกล้ารักษาเลย หรือถ้ารอดก็ต้องนอนเป็นผัก ขยับตัวไม่ได้ต้องให้อาหารทางสายยาง แต่ทุกคนที่บ้านก็ยังหวังปาฎิหารย์
ผมรักษาที่โรงพยาบาลเปาโลเป็นที่สุดท้าย คุณหมอเก่งมาก ผ่าตัดสมองดูดเลือดคลั่งในสมองไป 70 เปอร์เซ็นต์ หลังจากนั้นก็ใช้หลายวิธีครับ หลักๆหลังจากเริ่มแข็งแรงดีแล้ว คือการกายภาพบำบัดครับ ต้องฝึกเดินหนักกว่าคนอื่นด้วย เพราะผมอยากกลับมาเดินได้เร็วๆ ตอนที่ผมเริ่มขยับตัวได้ก็ปีนออกมาจนร่วงตกพื้นไปหลายครั้ง แม่ก็ต้องหารั้วมากั้น ช่วงนั้นขาขยับไม่ค่อยได้เท่าไหร่ ผมพยายามจะขยับตัวแต่พอไม่ได้ก็หงุดหงิดมากๆ ใช้เวลาทำกายภาพบำบัดประมาณ 1 ปีกว่าตอนแรกมือผมขยับไม่ได้ก็พยายามกำและแบมือบ่อยๆ ส่วนช่วงขาฝึกตีขาด้วยท่าว่ายน้ำ และเดินบนลู่วิ่งตอนแรกก็เดินเป๋ไปคนละทิศคนละทาง ทุกวันนี้ยังเดินไม่ค่อยตรงจะเดินปัดๆ นิดนึงเป็นผลกระทบมาจากสมอง คนถามว่าเป็นเกย์หรือเปล่าทำไมเดินบิดก้น คือมันไม่ใช่อ่ะครับ อีกอย่างคือผมกินยารักษาต่อเนื่องมา 5 ปี ห้ามขาด เหลืออีก 1 ปี ก็จบคอร์สและกินน้ำมันตับปลา 3,000 มิลลิกรัม ช่วยให้สมองกลับมาไวด้วย
เรียนรู้อะไรบ้างหลังจากจากเหตุการณ์ครั้งนี้ คิดว่าอะไรทำให้เราผ่านจุดตรงนั้นมาได้
“ความเชื่อที่ว่าเราจะไม่ยอมแพ้ครับ ครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญมากๆ ตอนวัยรุ่นเราใช้ชีวิตอีกแบบหนึ่ง เที่ยวเล่นไปวันๆ อยู่กับเพื่อน ไม่ค่อยสนใจครอบครัว หลังจากเราสูญเสียอิสระภาพไป วันที่เราอยู่คนเดียว รู้เลยว่าใครรักเราบ้าง พ่อแม่ญาติพี่น้องช่วยเหลือเต็มที่ ค่าผ่าตัด ค่ารักษา หมดเป็นล้านๆ ก็ยอม ผมดีใจมากที่มีครอบครัวที่รักเราขนาดนี้ ตอนนี้ผมใช้ชีวิตระวังมากขึ้น ทำอะไรก็ต้องระวังมากขึ้น อยากทำงานเก็บเงินเพื่อดูแลพ่อแม่ ถ้าเป็นสมัยก่อนผมได้หนึ่งแสนบาทคงเอาไปเที่ยวกับเพื่อน แต่ตอนนี้จะแบ่งให้แม่ครึ่งหนึ่งและเรียนต่อปริญญาโทผมอยากเป็นตัวแทนบอกผ่านไปถึงคนที่กำลังท้อแท้ว่าอย่าสิ้นหวัง เราเกือบจะลาโลกไปแล้วยังกลับมาได้เลย
ผมอยากฝากถึงคนที่กำลังท้อแท้ในชีวิต อย่าไปท้อแท้ เพราะว่าผมเคยผ่านจุดนั้นมาแล้ว ผมเคยเดินไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้ เคยอัมพาตครึ่งตัว แต่ผมก็ไม่ท้อ จนตัวเองกลับมาได้แต่แค่ไม่ 100% เปอร์เซ็นต์ แล้วพวกคุณจะรอให้พ่อแม่มาเข็นรถให้ มาป้อนข้าวป้อนน้ำให้หรอ ผมว่าคุณต้องปรับตัว ต้องสู้กับชีวิต ใครจะมาดูถูกเราก็ไม่ต้องสนใจ แต่คุณห้ามคิดที่จะดูถูกตัวเอง คนที่ดูถูกตัวเองคือคนแพ้
การเข้าประกวดโครงการ R U Tough Enough
ผมเล่นฟิตเนสมา 9 ปี แล้วครับ เพราะเป็นนักวิ่ง นักว่ายน้ำมาก่อน บังเอิญไปเห็นโปสเตอร์รับสมัครก็เลยลองเข้ามาดู นี่เป็นการประกวดครั้งแรกในชีวิต และที่ลงสมัครเพราะอยากจะพิสูจน์ว่าคนที่เคยประสบอุบัติเหตุแบบผมก็ยังสามารถกลับมาได้เหมือนเดิม แถมยังแข็งแรงกว่าเดิมด้วย เมื่อก่อนเคยอ้วนสุด น้ำหนัก 95 กก. ลดเหลือ 60 กก. ภายใน 2เดือน สืบเนื่องมาจากตอนที่ป่วยกินเยอะมากๆ น้ำหนักเลยพุ่งกระฉูด วิธีลดความอ้วนคือการออกกำลังกายและคุมอาหาร ผมตื่นตอนตี5 มาวิ่ง 2 ชั่วโมงครับ ตอนเย็นไปว่ายน้ำอีก 2 ชั่วโมง วันไหนเข้าฟิตเนสก็เล่นวันละ 4 ชม. ช่วงนั้นกินแต่ผักกับกล้วยทุกวันเลย ลดลงเร็วมาก
ความแกร่งในแบบฉบับของตัวเอง
คิดว่าต้องมีใจที่แข็งแรงก่อน ถึงจะมีร่างกายที่แข็งแรงตามมา เพราะฉะนั้นความแกร่งขึ้นอยู่กับใจก่อนเลยทุกอย่าง ถ้าเรามีใจที่มุ่งมั่นเหมือนกับมีวินัย คือต้องมุ่งไปสู่เป้าหมายของตัวเอง และเราต้องไปถึงจุดนั้นโดยที่ไม่วอกแวกครับ
โปรดติดตามและร่วมลุ้นว่าใครจะเป็นผู้ชนะเลิศการแข่งขันเฟ้นหาคนพันธุ์อึดR U Tough Enough? (อาร์ ยู ทัฟ อีนาฟ) ครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อชิงเงินรางวัลกว่า 1 แสนบาทได้ในวันศุกร์ที่ 21 เมษายน 2560 เวลา 18.00น. โซนสแควร์ซี ด้านหน้าห้าง Central World
|