Thor: Ragnarok– ศึกอวสานเทพเจ้า
category: Movie & Drama
tag: Thor Tom Hiddleston The Avengers Chris Hemsworth ธอร์ Jurassic Park Thor: Ragnarok ศึกอวสานเทพเจ้า Mark Ruffalo
นี่คือการผจญภัยครั้งใหม่สุดเร้าใจของเทพเจ้าสายฟ้าในโลกภาพยนตร์มาร์เวล ที่เต็มไปด้วยแอ็คชั่น อารมณ์ขัน ดรามาและภาพน่าตื่นตาตื่นใจ
ในเรื่องราวนี้ ธอร์ถูกคุมขังในอีกฟากหนึ่งของจักรวาล โดยปราศจากค้อนทรงอิทธิฤทธิ์ของเขา และเขาก็พบว่าตัวเองต้องเร่งรีบแข่งกับเวลาเพื่อกลับไปแอสการ์ดให้ทันที่จะหยุดยั้งแร็คนาร็อก - การทำลายล้างบ้านเกิดของเขาและจุดจบของอารยธรรมแอสการ์ด - ด้วยเงื้อมือของวายร้ายใหม่ที่แสนร้ายกาจ เฮล่า ผู้ไร้ปรานี แต่ก่อนอื่น เขาจะต้องเอาชีวิตรอดจากการประลองกลาดิเอเตอร์ที่ทำให้เขาต้องประมือกับ ฮัลค์ จอมพลัง อดีตมิตรและเพื่อนจากกลุ่มอเวนเจอร์ของเขา ให้ได้เสียก่อน!
คริส เฮมสเวิร์ธ (“Rush,” “In the Heart of the Sea”) กลับมารับบทวีรบุรุษผู้ถือค้อนแห่งแอสการ์ดอีกครั้ง เขาได้ร่วมแสดงกับเจ้าของรางวัลลูกโลกทองคำ ทอม ฮิดเดิลสตัน (“The Night Manager,” “Kong: Skull Island”) กลับมารับบท โลกิ น้องชายบุญธรรมจอมเจ้าเล่ห์ของธอร์, นักแสดงสองรางวัลออสการ์ เคท บลันเชตต์ (“Blue Jasmine,” “Carol”) ในบท เฮล่า จอมวายร้าย, นักแสดงเจ้าของรางวัลลูกโลกทองคำ ผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลเอ็มมี ไอดริส เอลบ้า (“Luther,” “Pacific Rim”) ในบท ไฮม์ดัล ผู้พิทักษ์ชาวแอสการ์ด, เจฟฟ์ โกลด์บลูม (“Jurassic Park,” “The Grand Budapest Hotel”) ในบทผู้นำเผด็จการนิสัยพิลึก แกรนด์มาสเตอร์ ผู้ครองซาคาร์, เทสซ่า ธอมป์สัน (“Creed,” “Selma”) ในบทนักรบผู้เด็ดเดี่ยว วัลคีรี, คาร์ล เออร์บัน (ไตรภาค “Star Trek,” “The Lord of the Rings: Return of the King”) ในบท สเกิร์จ หนึ่งในนักรบผู้แข็งแกร่งที่สุดของแอสการ์ด, นักแสดงผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงสามรางวัลออสการ์ มาร์ค รัฟฟาโร่ (“Spotlight,” “The Kids Are All Right”) กลับมารับบทบรูซ แบนเนอร์/ฮัลค์จอมพลังจาก“The Avengers” และ “The Avengers: Age of Ultron”และนักแสดงรางวัลอคาเดมี อวอร์ด เซอร์แอนโธนี ฮ็อปกินส์(“Silence of the Lambs,” “Nixon” ) กลับมารับบท โอดิน ราชันย์แห่งแอสการ์ดอีกครั้ง
“Thor: Ragnarok - ศึกอวสานเทพเจ้า”ภาคสามของตำนานซูเปอร์ฮีโรนอร์สยอดนิยมของมาร์เวล กำกับโดยผู้กำกับผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์ ไทก้า ไวทีติ จากบทภาพยนตร์โดย เอริค แพร์สัน เรื่องราวโดย เครก ไคล์ กับคริสโตเฟอร์ โยสต์ ร่วมด้วยเอริค แพร์สัน เควิน ไฟกี รับหน้าที่ผู้อำนวยการสร้าง ร่วมด้วย หลุยส์ ดิ เอสโพซิโต, วิคตอเรีย อลอนโซ, แบรด วินเดอร์บาม, โธมัส เอ็ม. แฮมเมล, และสแตน ลี ในตำแหน่งผู้อำนวยการสร้างบริหาร
ไวทีติรวมทีมงานเบื้องหลังมากพรสวรรค์ ที่รวมถึงผู้ออกแบบงานสร้างรางวัลออสการ์ แดน เฮนนาห์ (ไตรภาค “The Lord of the Rings” และ “The Hobbit”) และผู้ออกแบบงานสร้าง รา วินเซนท์ (“What We Do in the Shadows”), ผู้กำกับภาพเจ้าของหกรางวัลโกยา อวอร์ดและได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลบาฟตา ฮาเวียร์ อากิเรซาโรเบ้, เอ.เอส.ซี (“Secretos del coraz?n,” “The Others”), มือลำดับภาพ โจเอล เอ็ม. นีกรอน (“The Nice Guys,” “Transformers: Dark Side of the Moon”), ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย เมเยส รูบีโอ (“Avatar,” “Apocalypto,”), ซูเปอร์ไวเซอร์ฝ่ายวิชวล เอฟเฟ็กต์ เจค มอร์ริสัน (ภาพยนตร์โดยมาร์เวล สตูดิโอส์ “Ant-Man,” “Thor: The Dark World”) และผู้ประพันธ์ดนตรี มาร์ค มาเธอร์สบัฟ (“21 Jump Street,” “The Lego Movie”)
ภาพยนตร์โดยมาร์เวล สตูดิโอส์“Thor: Ragnarok - ศึกอวสานเทพเจ้า” พร้อมฉายทุกโรงภาพยนตร์ในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2017
“Thor: Ragnarok– ศึกอวสานเทพเจ้า ”ภาคใหม่ล่าสุดในแฟรนไชส์ “Thor” ได้สานต่อการผจญภัยสุดอลังการที่ถูกถ่ายทอดออกมาในภาพยนตร์สองภาคก่อนหน้านี้ของแฟรนไชส์ดัง (“Thor”ปี 2011 และ “Thor: The Dark World”ปี 2013 ซึ่งทำรายได้รวมกันไปกว่า 1.1 พันล้านเหรียญในบ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลก)
การหาเรื่องราวใหม่ๆ ที่จะผลักดันการผจญภัยครั้งใหม่ของธอร์เริ่มต้นด้วยการมองความเป็นมาของตัวละครตัวนี้ ตามที่ผู้อำนวยการสร้างเควิน ไฟกี อธิบายว่า “ตัวละครสมทบของธอร์ วายร้ายคู่ปรับของเขาและดรามาในครอบครัวที่เกิดขึ้นระหว่างโลกิและโอดิน ทำให้เรามีเส้นเรื่องที่เต็มไปด้วยรายละเอียดมากที่สุดเมื่อเทียบกับตัวละครมาร์เวลตัวอื่นๆ”
เขากล่าวเสริมว่า “สำหรับการผจญภัยครั้งที่สามของธอร์ เราอยากจะทำในสิ่งที่แตกต่างมากๆ จาก ‘Thor: The Dark World’ด้วยตัวละครใหม่ๆ วายร้ายใหม่ๆ และโลเกชันใหม่ๆ สำหรับการผจญภัยครั้งใหม่นี้ เราชื่นชอบการทำให้ผู้ชมประหลาดใจกับการที่โทนของแฟรนไชส์สามารถเปลี่ยนแปลงไปได้น่ะครับ”
คำว่า แร็คนาร็อก ซึ่งตามเทพปกรณัมนอร์ส “หมายถึงจุดสิ้นสุดโลก หายนะโลก จุดจบของโลก” ผู้กำกับไทก้า ไวทีติแปล “แต่ผมคิดว่าแร็คนาร็อกสื่อถึงการถือกำเนิดใหม่ มันเป็นจุดเริ่มต้นของวงจรใหม่ วงจรใหม่ในชีวิตของโลกหรือดินแดนต่างๆ ในจักรวาล ผมมองว่ามันเป็นการทำลายล้างสิ่งเก่าและการถือกำเนิดสิ่งใหม่ครับ”
ในตอนที่ผู้อำนวยการสร้างไฟกีได้เลือกไทก้า ไวทีติ ชาวนิวซีแลนด์ ให้เป็นผู้กำกับภาคที่สามของ “Thor” เขาก็พิจารณาสไตล์การถ่ายทำที่มีเอกลักษณ์พิเศษของไวทีติและสิ่งที่มันอาจนำมาสู่แฟรนไชส์นี้ได้ “เรามองหาผู้กำกับที่จะช่วยเราสร้างคำจำกัดความใหม่ให้กับโทนของหนังของธอร์ได้” ไฟกีอธิบาย “เมื่อถึงเวลาหาว่าผู้กำกับคนไหนจะสามารถแบกรับแฟรนไชส์นี้ได้ เราก็นึกถึงหนังที่เราชื่นชอบ ไทก้าได้สร้างผลงานการกำกับที่ยอดเยี่ยมและตลกอย่างเหลือเชื่ออย่าง ‘Boy,’ ‘What We Do in the Shadows’หรือ ‘Hunt for the Wilderpeople’เขามีพรสวรรค์อย่างน่าทึ่ง แม้ว่าเขาจะไม่เคยทำอะไรในสเกลแบบนี้มาก่อน แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกเพราะเราต้องการวิสัยทัศน์ที่โดดเด่นของเขา”
“สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมสนใจโปรเจ็กต์นี้คือมาร์เวลอยากจะนำธอร์ไปในทิศทางใหม่” ผู้กำกับกล่าว “พาเขาไปอยู่ในอวกาศ โดยที่ใช้เวลาอยู่บนโลกให้น้อยที่สุดเท่าที่จะป็นไปได้ นอกจากนั้น อีกอย่างหนึ่งที่ดึงดูดใจผมคือการทำให้ ‘Thor’เป็นการผจญภัยที่สนุกสนาน ในขณะเดียวกัน แนวคิดที่ผมมีต่อหนังเรื่องนี้คือการสลัดของเก่าๆ ออกไปและมอง ‘Thor: Ragnarok’ ว่าเป็นตัวของตัวเอง ว่าเป็นหนังเดี่ยวในตัวเอง แน่นอนครับว่ามันก็มีตำแหน่งแห่งที่ภายในโลกภาพยนตร์มาร์เวลและภายในโครงสร้างของหนังซูเปอร์ฮีโรเรื่องอื่นๆ ด้วยเหมือนกัน”
ทีมนักแสดง...เก่าและใหม่
ผู้ที่กลับมารับบท ธอร์ อีกครั้งคือคริส เฮมสเวิร์ธ ผู้ร่วมงานกับเพื่อนนักแสดงคนเดิม ทอม ฮิดเดิลสตัน ในบท โลกิ น้องชายบุญธรรมของเขา, มาร์ค รัฟฟาโร่ ผู้รับบท ฮัลค์/บรูซ แบนเนอร์, ไอดริส เอลบ้า ในบท ไฮม์ดัล และแอนโธนี ฮ็อปกินส์ ในบท โอดิน
เฮมสเวิร์ธขยายความถึงทิศทางที่เขาจะนำธอร์ดำเนินไปในการผจญภัยครั้งใหม่บนจอเงินว่า “เราได้ทำให้หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ค่อนข้างจะโดดเด่นและเป็นเรื่องราวที่ยืนหยัดได้ด้วยตัวมันเอง ในตอนเริ่มต้น เราพบว่าธอร์กำลังอยู่ระหว่างการเดินทางเพื่อค้นหาตัวเอง เขามาจากแอสการ์ด แต่เขาปฏิเสธการเป็นราชันย์และใช้ชีวิตอยู่บนโลก แต่เขาก็ไม่ได้เป็นคนจากโลก เขาก็เลยไม่ค่อยเหมาะกับที่นั่นซักเท่าไหร่ เขาก็เลยออกเดินทางเพื่อหาคำตอบ ระหว่างทาง เขาได้ค้นพบความโกลาหลวุ่นวายสารพัดในดินแดนต่างๆ ครับ”
ผู้ควบคุมงานสร้าง แบรด วินเดอร์บอม กล่าวถึงการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ของตัวละครตัวนี้ว่า “ธอร์พัฒนาขึ้นมากทีเดียวตั้งแต่ภาคแรก ผู้ชายที่ไปร้านขายสัตว์เลี้ยงเพื่อขอบินบนหลังนกยักษ์ในตอนนี้กลายเป็นคนที่สามารถขับยานอวกาศได้ด้วยตัวเองแล้ว เขาเป็นคนที่ปรับตัวให้พร้อมรับมืออันตรายได้นานัปการ ส่วนหนึ่งก็เพราะบทเรียนจากความรักจากหนังภาคแรก เขาถูกเนรเทศไปยังโลก ที่ซึ่งเขาต้องเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตในสถานที่ใหม่ ซึ่งทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น ตอนนี้ หลังจากการผจญภัยใน ‘The Avengers,’ ‘Thor: The Dark World’ และการต่อสู้อื่นๆ ในช่วงนอกจอระหว่างหนังเรื่อง ‘Age of Ultron’ และจุดเริ่มต้นเรื่องของเรา เราก็จะได้พบกับผู้ชายที่เข้าใจว่าจะรับมือกับวัฒนธรรมและปัญหาใหม่ๆ ยังไงครับ”
สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างธอร์และโลกิ ที่รับบทโดยทอม ฮิดเดิลสตัน เควิน ไฟกีรู้สึกว่า “พวกเขามีความสัมพันธ์กันในแบบที่แตกต่างจากตัวละครตัวอื่นๆ ในโลกภาพยนตร์มาร์เวลครับ” เขากล่าวเสริมอีกว่า “ในโลกภาพยนตร์ของเรา เส้นเรื่องที่มีความเกี่ยวเนื่องกันและมีการเชื่อมโยงกันของตัวละครในแฟรนไชส์และหนังเรื่องต่างๆ ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างธอร์และโลกิเป็นความสัมพันธ์ที่น่าสนใจที่สุดครับ”
และมันก็มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นระหว่างพวกเขาใน “Thor: Ragnarok - ศึกอวสานเทพเจ้า” ด้วยเช่นกัน
“โลกิมีความเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจมากๆ ในหนังเรื่องนี้” วินเดอร์บามกล่าว “เขาเริ่มต้นจากการเป็นราชาผู้มีความสุข ผู้ได้ในสิ่งที่เขาต้องการ เขาคิดว่า แอสการ์ดกำลังรุ่งเรืองภายใต้การปกครองของเขา สิ่งที่เขาเริ่มตระหนักก็คือไม่ว่าเขาจะได้บงการแอสการ์ดจริงๆ หรือไม่ก็ตาม เขาก็ไม่สามารถคาดคิดได้ถึงสิ่งต่างๆ ที่บิดาของเขาทำเพื่อคุ้มครองจักรวาลครับ”
ฮิดเดิลสตันกล่าวถึงความรู้สึกในการได้กลับมาสู่โลกภาพยนตร์มาร์เวลในบทของผู้ร้ายขวัญใจแฟนๆ อีกครั้งว่า “โลกิเป็นตัวละครที่ผมแสดงมาได้เจ็ดปีแล้ว ผมออดิชันกับมาร์เวลในปี 2009 เราถ่ายทำภาคแรกในปี 2010 และตอนนี้ เราก็อยู่กันในปี 2017 สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับโลกิคือเขาเป็นตัวละครที่ผมไม่ได้รู้สึกอีกต่อไปแล้วว่าต้องตีความอะไร แต่ ซึ่งนี่เป็นเรื่องสำคัญที่สุดนะครับ แต่ผมรู้สึกเหมือนว่าทุกครั้งที่ผมแสดงเป็นเขา ผมจะต้องแสดงเป็นเขาให้ดีขึ้น ผมต้องให้เกียรติความรับผิดชอบที่ผมมีต่อตัวละครตัวนี้ ให้เกียรติความรักที่ผู้ชมมีต่อเขา ด้วยการแสดงให้คาดเดาไม่ได้ ซับซ้อน มีเสน่ห์ เปลี่ยนใจง่าย ซุกซน หยิ่งยะโสและมีบาดแผลบอบช้ำ ทุกสิ่งที่โลกิเป็น และพยายามนำมันไปอีกระดับหนึ่งครับ”
ฮิดเดิลสตันกล่าวเสริมอีกว่า “บทต่อไปในการเดินทางของโลกิจะให้เกียรติกับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ แต่ก็อาจเป็นเรื่องน่าประหลาดใจสำหรับผู้ชมในแง่ของสิ่งที่พวกเขาคาดหวังว่าจะเกิดขึ้นต่อไปได้ครับ”
ฮัลค์ ที่รับบทโดย มาร์ค รัฟฟาโร่ เช่นเดิม ได้ลงเอยไปอยู่บนดาวซาคาร์หลังจากเหตุการณ์ใน “Avengers: Age of Ultron”ตามที่รัฟฟาโร่อธิบายว่า “อัลทรอนพยายามจะตั้งเส้นทางให้ไปพ้นจากโลกเพื่อรักษาเศษเสี้ยวของสติสัมปชัญญะสุดท้ายเอาไว้และส่งมันไปยังดาวดวงอีกเพื่อที่จะมีชีวิตรอด แต่ฮัลค์กลับได้ไปอยู่บนยานลำนั้นแทน เขาสามารถตัดสินใจกลับไปหาพวกอเวนเจอร์ได้ แต่คุณก็ได้เห็นเขาล่องลอยไปด้วยยานควินเจ็ท ไปสู่ที่ไหนซักแห่งที่เป็นปริศนา”
ใน “Thor: Ragnarok - ศึกอวสานเทพเจ้า”บรูซ แบนเนอร์ใช้ชีวิตในฐานะฮัลค์มาได้สองปีแล้ว ตอนที่ธอร์มาประจันหน้ากับเขาในสนามประลองกลาดิเอเตอร์บนดาวซาคาร์ “ระหว่างนั้น ตามที่ผมจินตนาการคือแบนเนอร์เข้าสู่โหมดพักผ่อนลึกน่ะครับ” รัฟฟาโร่กล่าว “ระหว่างการพักผ่อนนั้น เรื่องเลวร้ายทั้งหลายทั้งปวงในชีวิตเขาที่ทำให้เขากลัว ที่ทำให้เขาหวาดระแวง ทำให้เขาไม่สามารถมีความสุขกับชีวิต ถูกลบเลือนไปจนหมด สารสื่อประสาทและวิถีประสาทของเขาจะถูกเดินสายเสียใหม่ครับ”
แม้ว่ามือเขียนบทเครก ไคล์จะให้คำนิยามของไฮม์ดัลว่าเป็น “มือปืน” ในการปรากฏตัวครั้งล่าสุดของเขาในโลกภาพยนตร์มาร์เวล แต่ตัวละครตัวนี้ก็ผ่านการเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้งใน “Thor: Ragnarok - ศึกอวสานเทพเจ้า”ตามที่ผู้ควบคุมงานสร้างวินเดอร์บามอธิบายว่า “ไฮม์ดัลก็คล้ายกับโอดิน เขาเป็นตัวละครจากยุคเก่าของแอสการ์ด ที่มีตัวตนมาก่อนหน้าธอร์และโลกิ” เขาพูดถึงตัวละครตัวนี้ ที่รับบทโดยนักแสดงอังกฤษเจ้าของรางวัล ไอดริส เอลบ้า “เขาเป็นเหมือนรัฐบุรุษอาวุโสให้กับฮีโรของเราในพล็อตของหนังเรื่องอื่นๆ แต่ในเรื่องนี้ เราพบว่าเขาเนรเทศตัวเองไปเป็นนักรบที่ต่อสู้ท่ามกลางดินแดนเวิ้งว้างในแอสการ์ดครับ”
นอกจากนี้ “Thor: Ragnarok - ศึกอวสานเทพเจ้า” ยังนำเสนอการหวนคืนสู่หน้าจอของแอนโธนี ฮ็อปกินส์ในบทโอดินอีกด้วย โอดินครองตำแหน่งราชาแห่งแอสการ์ดมานานชั่วกัปชั่วกัลป์ แต่ในภาพยนตร์เรื่องนี้ เขาจะต้องทำใจยอมรับความจริงในแบบที่แตกต่างออกไป สำหรับฮ็อปกินส์ การกลับสู่โลกของ “Thor” พร้อมกับผู้กำกับคนใหม่เป็นประสบการณ์แง่บวก ฮ็อปกินส์ให้ความเห็นเกี่ยวกับไทก้า ไวทีติว่า “สิ่งที่ผมชื่นชอบเกี่ยวกับเขาคือเขาเร็วมาก เขามีอารมณ์ขันเป็นเยี่ยม เขาเป็นคนมีอำนาจก็จริง แต่เขาก็เปิดกว้างต่อข้อเสนอแนะไอเดียต่างๆ อย่างมาก ซึ่งผมคิดว่าเป็นเรื่องน่าแปลกใจ ผมก็เลยลองบางสิ่งบางอย่างที่สุดโต่ง และเขาก็สนับสนุนผม เขาให้อิสระพวกเราอย่างเต็มที่ ดังนั้น การทำงานหนังเรื่องนี้ก็เลยสนุกมากครับ”
เฮล่า ตัวร้ายหญิงคนสำคัญคนแรกในโลกภาพยนตร์มาร์เวล รับบทโดยเคท บลันเชตต์ “เธอจะทำลายไอเดียที่คุณมีเกี่ยวกับวายร้ายตามแบบฉบับครับ” ผู้กำกับไวทีติกล่าว “เธอไม่เพียงแต่สวยและมีคุณสมบัติแบบที่คุณจะคาดหวังจากวายร้ายหญิงเท่านั้น เธอเซ็กซี ตลก น่าทึ่งและดูน่ามหัศจรรย์ แต่เธอก็ยังมีข้อบกพร่องและเป็นคนที่ทุกข์ทรมานใจด้วย ตัวเธอมีอะไรหลายอย่างมากกว่าวายร้ายตามแบบฉบับที่คุณได้เห็นในหนังประเภทนี้ เธอไม่ได้มีเป้าหมายเพียงแค่การยึดครองโลกหรือจักรวาลเท่านั้น แต่เธอต้องการสิ่งที่ผมคิดว่าหลายคนก็สามารถเข้าใจได้น่ะครับ”
เควิน ไฟกี กล่าวถึงการเลือกบลันเชตต์ นักแสดงรางวัลออสการ์มารับบทนี้ว่า “ตอนที่เราเริ่มนึกถึงนักแสดงหญิงที่จะมารับบทวายร้ายคนใหม่ของเรา ชื่อของเคท บลันเชตต์ก็ปรากฏขึ้นทันที เธอได้พบกับไทก้า ผู้มีเสน่ห์อย่างเหลือเชื่อและมีวิสัยทัศน์เกี่ยวกับหนังเรื่องนี้อย่างวิเศษสุด และเธอก็ตอบตกลง ตอนนี้ ซึ่งผมก็ต้องหยิกตัวเองทุกครั้งที่พูดออกไป เราก็ได้เคท บลันเชตต์มารับบทผู้ร้ายใน ‘Thor: Ragnarok - ศึกอวสานเทพเจ้า’แล้ว มันน่าทึ่งจริงๆ และเธอก็ช่วยยกระดับหนังทั้งเรื่องขึ้นมาเลยล่ะครับ”
“ฉันสนุกอย่างเหลือเชื่อกับการรับบทปีศาจสาว เทวีแห่งความตายคนนี้ เพราะฉันคิดว่าความสามารถของเธอทั้งน่าแปลกใจและแปลกประหลาดเหลือเกิดค่ะ” บลันเชตต์กล่าวสรุป “เธอไม่ใช่แค่น่ากลัวธรรมดาๆ แต่เธอยังมีความขี้เล่นและซุกซนซ่อนอยู่ด้วย และภายใต้การแนะนำของไทก้า สิ่งต่างๆ เหล่านั้นก็ถูกเผยออกมา ฉันหวังว่าผู้ชมจะพร้อมสำหรับความตื่นเต้นในหนังเรื่องนี้นะคะ”
เมื่อความโกลาหลวุ่นวายเกิดขึ้นภายใต้การปกครองของเฮล่าในดินแดนแอสการ์ด ธอร์และแบนเนอร์กลับติดอยู่ที่อีกฟากฝั่งหนึ่งของจักรวาล บนดาวที่มีชื่อว่า ซาคาร์ ที่ซึ่งแกรนด์มาสเตอร์เป็นผู้นำเผด็จการของดาวดวงนี้และเป็นตัวการสำคัญผู้อยู่เบื้องหลังการประลองที่มีชีวิตเป็นเดิมพัน
“เราอยากให้ตัวละครตัวนั้นทั้งน่าจดจำและสนุกสนานครับ” วินเดอร์บามพูดถึงการคัดเลือกนักแสดงสำหรับบทนี้ “ไทก้ามองไปถึงเจฟฟ์ โกลด์บลูม และมันก็เพอร์เฟ็กต์ เขาเป็นคนดนตรี เขาเป็นคนตลก เขามีความโดดเด่นแต่ก็มีความน่าขำขัน เขาแสดงในโลกต่างดาวนี้ได้ดีทีเดียวครับ”
“แกรนด์มาสเตอร์เป็นคนมีประวัติครับ เขาเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสของจักรวาล” โกลด์บลูมพูดถึงบทนี้ ซึ่งเป็นบทบาทแรกในโลกซูเปอร์ฮีโรของเขา “พวกเราเหล่าผู้อาวุโส ผมกับพี่ชายของผม เบนิซิโอ เดล โทโร่ หรือคอลเล็กเตอร์ มีตัวตนตั้งแต่กำเนิดจักรวาลโน่นแน่ะ เราแก่ซะยิ่งกว่าแก่อีกครั้ง แล้วเราก็เป็นอมตะด้วย เยี่ยมเลยใช่มั้ยล่ะครับ”
บนดาวซาคาร์ ธอร์ถูกจับตัวได้โดยวัลคีรี อีกหนึ่งตัวละครใหม่ในภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่รับบทโดยเทสซ่า ธอมป์สัน “วัลคีรีเป็นนักล่าค่าหัว เป็นนักสู้ ผู้ทำงานให้กับแกรนด์มาสเตอร์” เทสซ่า ธอมป์สันพูดถึงวัลคีรี บทบาทแรกในแฟรนไชส์ซูเปอร์ฮีโรของเธอ “เธอนำสิ่งต่างๆ ที่น่าสนใจมานำเสนอเขา ที่สำคัญที่สุดคือผู้ท้าชิงที่จะมาต่อสู่กับ ฮัลค์ แชมเปี้ยนผู้ครองตำแหน่งยาวนานของเขา ผู้ที่วัลคีรีก็ได้นำมามอบให้กับเขาด้วยเช่นกัน”
ในการคัดเลือกนักแสดงสำหรับบทที่เป็นที่หมายปองนี้ ไฟกีกล่าวว่า “เรามองหานักแสดงหญิงสำหรับบทนี้ ที่สามารถปะทะกับธอร์ได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ ผู้สามารถยืนหยัดเคียงบ่าเคียงไหล่คริส เฮมสเวิร์ธได้ แล้วเราก็เป็นแฟนพันธุ์แท้ของเทสซ่า ธอมป์สันมาหลายปีแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จากการแสดงของเธอใน ‘Creed’มันน่าทึ่งมากที่ได้เธอมาเป็นหนึ่งในสองตัวละครหญิงใหม่ในหนังเรื่องนี้น่ะครับ”
ใน “Thor: Ragnarok - ศึกอวสานเทพเจ้า” เฮล่ามีลูกสมุนที่ชื่อ สเกิร์จ ที่รับบทโดย คาร์ล เออร์บัน “สเกิร์จเป็นตัวละครน่าสนใจที่มีปัญหาหนักใจทางศีลธรรมและเรื่องต้องตัดสินใจครับ” เออร์บันพูดถึงบทบาทที่มีสีสันของเขา “เขาเลือกการมีชีวิตรอด ในฉบับการ์ตูน เขามักถูกนำเสนอว่าเป็นผู้ร้าย และในหนังเรื่องนี้ เขาก็อยู่ฝ่ายเฮล่า ผู้เป็นตัวแทนของความตาย สิ่งที่น่าสนใจคือตัวละครตัวนี้เป็นคนที่ดิ้นรนเพื่อการมีชีวิตรอดอยู่ของแท้ ทันทีที่เฮล่าปรากฏตัวขึ้นมา เขาก็ตัดสินใจเข้าข้างเธอเพียงเพื่ออยากมีชีวิตรอด เขาเป็นตัวละครที่หลงทาง ผู้มองหาการได้รับการยอมรับครับ”
“สเกิร์จเป็นหนึ่งในตัวละครที่น่าสนใจที่สุดในหนังเรื่องนี้ ในแง่ของการเปลี่ยนแปลงของเขาครับ” ไวทีติกล่าว “เขาผ่านการเปลี่ยนแปลงมากมายเหลือเกิน”
เหลือบดูงานสร้าง...
“Thor: Ragnarok - ศึกอวสานเทพเจ้า”เริ่มต้นการถ่ายทำในวันที่ 4 กรกฎาคม ปี 2016 และถ่ายทำส่วนใหญ่ที่โกลด์ โคสต์ ประเทศออสเตรเลีย ในรัฐควีนส์แลนด์ บนชายฝั่งตะวันออกของทวีป ทางใต้ของเมืองบริสเบน กองถ่ายตั้งอยู่ที่วิลเลจ โรดโชว์ สตูดิโอส์ในควีนส์แลนด์
นอกเหนือจากการถ่ายทำในมากกว่าสามสิบฉากที่ถูกสร้างขึ้นที่สตูดิโอ (ในหลายๆ ซาวน์สเตจภายในซาวน์สเตจเก้าแห่งที่นั่น รวมถึงในโรงถ่ายขนาดใหญ่ของมันด้วย) ทีมงานยังได้ถ่ายทำตามโลเกชันในย่านดาวน์ทาวน์ของบริสเบน (ที่ถูกใช้แทนนิวยอร์ก ซิตี้) เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ในช่วงปลายเดือนสิงหาคม และที่โลเกชันแสนงดงามสองแห่งในอุทยานแห่งชาติแทมบูรินในควีนส์แลนด์อีกด้วย นอกจากนั้น กองถ่ายยูนิทที่สองยังได้ถ่ายทำในเกาะเดิร์ค ฮาร์ท็อกที่ห่างไกลของออสเตรเลีย ในมหาสมุทรอินเดีย นอกชายฝั่งออกไปทางตะวันตก และสถานที่อีกหลายแห่งในเกาะใต้ของนิวซีแลนด์ (รวมถึงมิลฟอร์ด ซาวน์ ฟยอร์ด ที่น่าตื่นตาตื่นใจ) ก่อนที่การถ่ายทำจะปิดฉากลงในปลายเดือนตุลาคม
การเนรมิตชีวิตให้กับดาวซาคาร์ที่หลากสีสัน ภายใต้การปกครองของแกรนด์มาสเตอร์ (เจฟฟ์ โกลด์บลูม) เป็นหนึ่งในงานที่สำคัญที่สุดของผู้ออกแบบงานสร้าง แดน เฮนนาห์และรา วินเซนท์ พอพวกเขาเริ่มรวบรวมทีมงานแผนกศิลป์ ที่ประกอบไปด้วยนักออกแบบฉาก ผู้กำกับศิลป์ และนักลงสีเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็ได้สร้างสรรค์แกลเลอรีอาร์ตเวิร์คด้วยการใช้ผลงานการ์ตูนที่น่าอัศจรรย์ของผู้สร้างแจ็ค เคอร์บี้มากมาย งานอาร์ตเวิร์คไม่เพียงแต่ประดับประดาที่ผนังออฟฟิศของพวกเขาเท่านั้น แต่กระจัดกระจายเต็มพื้นที่ของแผนกด้วย งานอาร์ตเวิร์คดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงให้เห็นถึงเวทมนตร์บนหน้ากระดาษของเคอร์บี้และกระตุ้นทีมงานออกแบบงานสร้างระหว่างที่พวกเขาทำงานเพื่อถ่ายทอดความรู้สึกของดาวซาคาร์ออกมา
ในบรรดาฉากบนดาวซาคาร์หลายฉากที่ถูกสร้างขึ้นสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ มีฉากสามฉากที่ถูกจริตความชื่นชอบเรื่องมหัศจรรย์ของเคอร์บี้เป็นพิเศษ นั่นคือเมืองซาคาร์ในโรงถ่ายที่กว้างใหญ่ของสตูดิโอ (หนึ่งในสองฉากภายนอกที่เชื่อมต่อกัน ซึ่งแต่ละฉากมีขนาดเท่าสนามอเมริกันฟุตบอล), ปราสาทของแกรนด์มาสเตอร์ (ที่ถูกสร้างขึ้นบนสเตจ 9 ซึ่งเป็นซาวน์สเตจใหม่เอี่ยมของสตูดิโอ และเป็นซาวน์สเตจที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในซีกโลกใต้ด้วย) และห้องนักรบของฮัลค์ ซึ่งเป็นฉากแรกบนดาวซาคาร์ที่ถูกถ่ายทำในช่วงสัปดาห์ที่สองของการถ่ายทำ
แม้ว่าเรื่องราวส่วนมากในองก์ที่สองของเรื่องเกิดขึ้นในดาวซาคาร์ ทีมงานออกแบบงานสร้างยังต้องออกแบบฉากต่างๆ ในดินแดนที่พวกเขาคุ้นเคยมากกว่าอย่างแอสการ์ด ดินแดนบ้านเกิดของธอร์ ที่เคยปรากฏมาแล้วในสองภาคที่ผ่านมา อีกด้วย แม้ว่าพวกเขาจะได้สร้างฉากต่างๆ สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแอสการ์ด (ห้องสังเกตการณ์ ท้องพระโรง) แบบดีไซน์หลักของทีมออกแบบงานสร้าง ซึ่งก็คือแอสการ์ด เปียซซา ตั้งตระหง่านอยู่ข้างๆ นครซาคาร์ ที่ถูกสร้างขึ้นในโรงถ่ายของสตูดิโอ
ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย มาเยส รูบีโอ ผู้ซึ่งทีมงานได้เปลี่ยนสเตจ 2 ของสตูดิโอให้กลายเป็นโรงงานสิ่งทอ ได้ออกแบบเสื้อผ้ากว่า 2500 ชุดสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ ด้วยการทำงานกับลูกทีมกว่าหกสิบคน (รวมถึงช่างตัดเย็บหนัง ช่างเสื้อ ช่างย้อม) ตลอดระยะเวลากว่าแปดเดือน ตั้งแต่เดือนมีนาคม ปี 2016
สิ่งที่ทำให้ชุดของรูบีโอสมบูรณ์แบบคืออาวุธของชาวซาคาร์ ที่ถูกออกแบบสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้โดยเฮนนาห์และวินเซนท์ และเวิร์คช็อปเวตาของนิวซีแลนด์ เมื่อพวกเขาทำงานเสร็จสิ้นแล้ว อาวุธหลากชนิดหลายร้อยชิ้นก็ถูกสร้างขึ้นและพร้อมให้เลือกใช้ในภาพยนตร์เรื่องนี้
มีการสร้างโยเนียร์ ค้อนของธอร์ขึ้นมาหลายสิบรูปแบบ และค้อนนี้ก็เป็นเพียงแค่หนึ่งในอาวุธมากมายที่ถูกใช้ในสองภาคก่อนหน้านี้ ที่ถูกนำมาตีความใหม่สำหรับ “Thor: Ragnarok - ศึกอวสานเทพเจ้า”นอกเหนือจากนั้น ยังต้องมีการสร้างอาวุธขนาดเท่าฮัลค์หลายชิ้นสำหรับตัวละครเจ้าของความสูงแปดฟุตหกนิ้วคนนี้อีกด้วย
รออีกไม่นาน
ในตอนที่ภาพยนตร์มาร์เวล สตูดิโอส์เรื่อง “Thor: Ragnarok - ศึกอวสานเทพเจ้า” เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศไทยในวันที่ 2 พฤศจิกายน ปี 2017 ผู้ชมก็จะคาดหวังได้ถึงการผจญภัยที่ไม่เหมือนกับครั้งไหนๆ ที่พวกเขาเคยได้เห็นมาก่อน
ตามที่ผู้กำกับไวทีติกล่าวว่า “ผมอยากจะทำให้ผู้ชมรู้สึกติดพันและทำให้พวกเขาตื่นเต้นไปกับเรื่องราว ที่ทั้งดรามาและสะเทือนอารมณ์ และยังสนุกสนานและน่าตื่นเต้นด้วย พอถึงตอนจบของเรื่อง คุณจะรู้สึกเหมือนว่าคุณได้ไปเยือนดินแดนต่างๆ มาและได้เจอกับประสบการณ์สุดเพี้ยนมากมาย และคุณก็จะบุกน้ำลุยไฟไปกับธอร์ด้วยจริงๆ ครับ”
|