เปิดตัวเทคโนโลยี “i-Sol+ Tech” นวัตกรรมน้ำยาฆ่าเชื้อไวรัส สูตรปราศจากแอลกอฮอล์
category: News & Event
tag: i-Sol+ Tech โคโรนาไวรัส
บริษัท เลกาซี่ ไพร์ม เมด และ บริษัท เอวีเอส อินโนเวชั่น ภายใต้อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย ร่วมกันพัฒนาสูตรน้ำยาฆ่าเชื้อไวรัสภายใต้เทคโนโลยี “i-Sol+ Tech”ที่ปราศจากแอลกอฮอล์เพื่อเป็นอีกทางเลือกของคำตอบในการกำจัดไวรัสชนิดต่างๆ
เทคโนโลยี “i-Sol+ Tech” ปราศจากแอลกอฮอล์เพื่อเป็นอีกทางเลือกของคำตอบในการกำจัดไวรัสชนิดต่างๆ รวมถึงโคโรนาไวรัสได้ถึง 99%ออกฤทธิ์ปกป้องพื้นผิวนานถึง 24 ชม. พกพาสะดวก ฉีดได้ทั้งหน้ากากและพื้นผิวสัมผัสต่างๆ เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการปกป้องและฆ่าเชื้อไวรัสพร้อมร่วมสนับสนุนบริจาคผลิตภัณฑ์หนึ่งล้านมิลลิลิตรแรกให้กับหน่วยงานภาครัฐด้านการแพทย์ทั้งในไทยและในประเทศจีน เพื่อเป็นอีกหนึ่งแรงที่ร่วมสนับสนุนมาตรฐานการการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโรคและสุขภาวะที่ดีของประชาชน
ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสในประเทศไทยว่า “จะเห็นว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีโรคใหม่ๆ จากเชื้อโรคสายพันธุ์แปลกๆ เกิดขึ้น อย่างรวดเร็วและรุนแรงจนน่าตกใจหรือที่เรียกว่า โรคอุบัติใหม่ (EMERGING DISEASE) อาทิ ไวรัสซิกา ไวรัสอีโบลา ไวรัสเมอร์ส เป็นต้น ซึ่งในผู้ป่วย 100 คน พบว่ามีเพียงครึ่งเดียวเท่านั้นที่สามารถระบุได้ว่าป่วยด้วยเชื้อโรคหรือไวรัสชนิดใด ทำให้ยากต่อการวินิจฉัย และรักษาโรคได้ทันท่วงที ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย จึงถือเป็นหน่วยงานสำคัญที่เป็นความหวังของประเทศในการควบคุม ป้องกันและรับมือกับเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเวลาส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19(COVID-19) ในขณะนี้นั้น ตัวแปรสำคัญในการแพร่กระจายเชื้อหลักๆ คือ1.บุคคลที่ปล่อยเชื้อโดยที่ตนเองไม่รู้ตัว 2.กิจกรรมที่บุคคลที่ติดเชื้อเข้าไปมีส่วนร่วมและ 3.กิจกรรมที่มีคนจำนวนมากอยู่กันระยะเวลานานทุกคนมีโอกาสที่จะติดได้มากขึ้น เชื้อโควิด-19 มีความอันตรายมากและเป็นสาเหตุการเสียชีวิตไม่เพียงพบแต่กับผู้สูงอายุแต่สามารถพบได้ในคนหนุ่มสาวคนทุกวัยมีความเสี่ยงในการรับเชื้อและเกิดอาการรุนแรงได้หมดจึงอยากให้ประชาชนทั่วไปตระหนักถึงการป้องกันและยังต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยล้างมือบ่อยๆ” ศ.นพ. ธีระวัฒน์กล่าว
รศ.ดร.นพ.กำพล ศรีวัฒนกุล ประธานกรรมการและผู้ก่อตั้งบริษัท เอวีเอส อินโนเวชั่น จำกัด ภายใต้อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 ที่ได้มีการแพร่กระจายไปทั่วโลกและเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น เพื่อเป็นการควบคุมการระบาดและเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ในอนาคตรวมทั้งลดความตื่นตระหนกของประชาชนจำเป็นต้องมีนวัตกรรมเข้ามาช่วยในการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสและเชื้อโรคชนิดต่างๆไม่ให้กระจายวงกว้างมากขึ้นและต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่ประชาชนสามารถใช้ได้อย่างทั่วถึงและไม่เกิดอันตรายโดยเห็นว่าผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดแอลกอฮอล์ที่มีอยู่ในตลาดแม้ว่าจะมีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรคได้ดีและได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลกว่าสามารถฆ่าเชื้อโคโรนาได้นั้นแต่แอลกอฮอล์ออกฤทธิ์ในฆ่าได้ไม่เกิน 1 นาที
เนื่องจากสามารถระเหยได้ง่ายอีกทั้งมีประชาชนเป็นจำนวนหนึ่งที่เกิดอาการแพ้ ผิวแห้ง ทำให้เป็นข้อจำกัดของผลิตภัณฑ์กลุ่มดังกล่าวเพื่อให้มีทางเลือกของผลิตภัณฑ์ป้องกันเชื้อไวรัสที่มากขึ้น ทางบริษัทจึงได้พัฒนาเทคโนโลยี i-Sol+ Tech (ไอโซ-เทค)สิทธิบัตรเฉพาะของบริษัทซึ่งเป็นน้ำยาฆ่าเชื้อไวรัสปราศจากแอลกอฮอล์ มีสารออกฤทธิ์สำคัญที่ National Environment Agency (NEA) ได้ให้คำแนะนำว่าเป็นสารที่สามารถฆ่าเชื้อโคโรนาไวรัสได้ นอกจากนี้โดยสิทธิบัตรที่จำเพาะของบริษัทที่ได้ใช้เทคโนโลยีนาโนในการสร้างอนุภาคไอออนเพื่อทำลายเมมเบรนที่ห่อหุ้มและสารพันธุกรรมของไวรัสทำให้ไวรัสตายในที่สุดผลิตภัณฑ์ดังกล่าวนี้สามารถฆ่าเชื้อไวรัสทั้งแบบมีเปลือกห่อหุ้ม(enveloped virus) และไม่มีเปลือกห่อหุ้ม (ไวรัสเปลือย) (non-enveloped virus) โคโรนาจัดเป็นไวรัสกลุ่มมีเปลือกห่อหุ้ม เมื่อฉีดสามารถออกฤทธิ์นานถึง 24 ชม. ซึ่งปัจจุบันผลิตภัณฑ์ในท้องตลาดส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ (alcohol-based) เป็นหลักจึงถือเป็นเทคโนโลยีที่คิดค้นโดยนักวิทยาศาสตร์และเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของประชาชนในการรับมือและป้องกันตัวเองจากไวรัสโคโรนา
“นวัตกรรมใหม่นี้ เป็นน้ำยาฆ่าเชื้อไวรัสที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลักจึงเหมาะกับทุกคนแม้แต่ผู้ที่แพ้ง่าย ผู้ใช้สามารถฉีดสเปรย์ลงบนหน้ากากและพื้นผิวสัมผัสต่างๆเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการปกป้องและฆ่าเชื้อไวรัสหน้ากากอนามัย สำหรับผู้ที่ใช้หน้ากากอนามัยประเภทซักได้สามารถเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการนำกลับมาใช้ซ้ำโดยการซักทำความสะอาดและฉีดสเปรย์ลงบนหน้ากากเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปกป้องและฆ่าเชื้อไวรัสก่อนใช้งานทุกครั้ง โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่หน้ากากอนามัยขาดตลาดและยังเป็นการช่วยลดขยะจากหน้ากากอนามัยได้อีกด้วย” รศ.ดร.นพ.กำพล กล่าว
ด้านนายอภิวัฒน์ เฟื่องฟู กรรมการ บริษัท เลกาซี่ ไพร์ม เมด จำกัด (Legacy Prime Med)กล่าวว่า บริษัทฯ มีนโยบายหลักในการสนับสนุนศักยภาพของงานวิจัยจากนักวิจัยไทยจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 บริษัทฯได้ตระหนักถึงความสำคัญต่อการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว จึงได้ให้การสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาร่วมกับนักวิจัยของบริษัท เอวีเอส อินโนเวชั่น จำกัด ภายใต้อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย เพื่อพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสและเชื้อโรคภายใต้เทคโนโลยี i-Sol+ Tech (ไอโซ-เทค)ซึ่งเป็นนวัตกรรมสูตรน้ำสำหรับฆ่าเชื้อไวรัส แบคทีเรีย และ เชื้อรา เพื่อการเข้าถึงสุขภาวะที่ดีของทุกคนโดยน้ำยาฆ่าเชื้อไวรัสดังกล่าวปราศจากแอลกอฮอล์และอยู่ภายใต้สิทธิบัตรของบริษัท เลกาซี่ ไพร์ม เมด จำกัด
“ก่อนจะเริ่มดำเนินการจัดจำหน่ายภายในเดือนมีนาคมนี้ บริษัทฯ ได้มีการแสดงเจตนารมณ์ในการบริจาคให้กับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องสำหรับนำไปใช้ประโยชน์ต่อสาธารณชน โดยจะมอบให้กับหน่วยงานภาครัฐด้านการแพทย์ทั้งในไทยและในประเทศจีน อาทิ กรมการแพทย์ทหารบก ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย มหาวิทยาลัยนเรศวร และโรงพยาบาลในประเทศจีน รวมหนึ่งล้านมิลลิลิตร”นายอภิวัฒน์ กล่าว
สำหรับผลิตภัณฑ์ที่จะวางจำหน่าย มีให้เลือก 3ขนาด ขนาดพกพา 20 มล.ขนาด 250 มล. สามารถใช้ได้ในบ้านและขนาดใหญ่ 1,000 มล. เพื่อใช้ภายในสำนักงานหรือองค์กร โดยข้อมูลการจำหน่ายสามารถติดตามได้ที่ www.isoltechspray.com
นอกจากนี้เพื่อเป็นการสานต่อนโยบายของบริษัท เลกาซี่ ไพร์ม เมด จำกัด ในการสนับสนุนการคิดค้นและพัฒนางานวิจัย ภายในงานยังได้จัดให้มีพิธีลงนามความร่วมมือด้านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสและเชื้อโรค ระหว่าง บริษัท เลกาซี่ ไพร์ม เมด จำกัด โดยนาย อภิวัฒน์ เฟื่องฟู กรรมการผู้จัดการใหญ่ และ นายชิงตะ แซ่หว่าง กรรมการบริษัท และ บริษัท เอวีเอส อินโนเวชั่น จำกัด ภายใต้อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย โดย นายอนุวัฒน์ หลายกิจรุ่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และดร.สรวง สมานหมู่ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ ร่วมลงนามความร่วมมือทั้ง 2 หน่วยงานอีกด้วย
|