เคล็ดลับดูแลผิวขาวใส ด้วยครีมกันแดด จาก POSITIF
category: Fashion & Beauty
tag: Sunscreen ครีมกันแดด SPF 50+ PA++++ POSITIF โพสิทีฟ
ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณของแบรนด์ POSITIF แนะนำ วิธีง่ายๆ ในการดูแลผิวขาวใส อย่างไร้กังวล ให้กับสาวๆ ที่อยากออกไปทำกิจกรรมสนุกๆ ท้าแสงแดด โดยไม่ต้องกังวลกับปัญหาผิวเสียที่จะตามมา
ทาครีมกันแดด 2 ชั้น มั่นใจกว่า
วิธีที่จะทำให้เราแน่ใจว่าปริมาณครีมกันแดดจะเพียงพอต่อการบำรุงผิว ให้ทาครีมกันแดดด้วยปริมาณ ที่หนาเพียงพอ คือปริมาณ 2 ข้อนิ้วมือ และเนื่องจากผิวหนังของคนเราไม่ได้เรียบเนียนเท่ากันอย่างตาเห็น ดังนั้นหากเราแบ่งปริมาณของครีมกันแดดที่จะต้องทาในแต่ละครั้ง ออกเป็น 2 ส่วน แล้วทาทับกัน 2 รอบ จะช่วยทำให้การทาครอบคลุมพื้นที่ผิวได้ทั่วถึงกว่าการทาเพียงรอบเดียว
ทาซ้ำในจุดที่มักเกิด ฝ้า กระ และจุดด่างดำ
นอกจากจะต้องทาครีมกันแดดให้ทั่วหน้า ควรไม่ลืมทาที่ใบหูด้วย เพราะเป็นบริเวณที่สัมผัสกับแดด มากกว่านั้น ทาซ้ำและเน้นตรงบริเวณที่แสงจะตกกระทบที่หน้าได้ง่าย และมักจะเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ คือ หน้าผาก สันจมูก และโหนกแก้ม
ทาครีมกันแดดซ้ำทุก 2 ชั่วโมง
หากต้องเล่นกีฬากลางแจ้งหรือกีฬาทางน้ำ ควรทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง เพื่อย้ำเกราะป้องกันแดดให้ยังคงแน่นหนา และควรทาครีมกันแดดทันทีหลังจากว่ายน้ำหรือออกกำลังกายกลางแจ้งเสร็จ สำหรับคนทั่วไปที่ไม่ได้สัมผัสกับแสงแดดจัดในชีวิตประจำวัน เช่น ผู้ที่ทำงานอยู่ในอาคารสำนักงานอาจจะเป็นการยุ่งยากหากต้องล้างหน้าและทาครีมกันแดดซ้ำ โดยเฉพาะในผู้ที่แต่งหน้า ซึ่งสะดวกที่จะทาครีมกันแดดแค่ช่วงเวลาก่อนแต่งหน้าตอนเช้าเท่านั้น อาจใช้วิธีป้องกันแสงแดดแบบอื่นๆมาเป็นตัวช่วย เช่น กางร่ม ใส่หมวก สวมแว่นดำ เมื่อออกแดด
ทาครีมกันแดด ก่อนออกกลางแจ้ง 15-30 นาที
สารกันแดดนั้นต้องใช้เวลาในการออกฤทธิ์ปกป้องผิวนาน 15-30 นาที ถึงจะเกิดประสิทธิภาพ จึงควรเผื่อเวลาในการทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านด้วยนะคะ
เลือกใช้ครีมกันแดดที่คุณภาพดี และเนื้อสัมผัส ชนะเลิศ
หากอยากผิวสวย กระจ่างใส ก็ต้องทาครีมกันแดดทุกวันให้เป็นกิจวัตร แต่ด้วยอากาศเมืองไทยที่ร้อนมาก ความตั้งใจนี้อาจถูกล้มเลิกด้วยความเหนอะหนะของครีมกันแดดเอาได้ง่ายๆ ดังนั้นควรเลือกครีมกันแดดแบบที่มีคุณภาพดี และเนื้อสัมผัสบางเบา สบายผิว แต่ต้องซึมซาบเข้าผิวได้ไว ไม่ทำให้เหนอะผิว ซึ่งจะช่วยให้สาวๆอยากทาครีมกันแดดทุกวัน
หลีกเลี่ยงช่วงแดดจัด เวลา 11.00-14.00 น. ควรหลีกลี่ยงแสงแดดจัด ซึ่งมักจะเป็นแสงแดดในช่วงเวลาที่เมื่อมองเงาที่ทอดลงไปที่พื้นแล้ว เงาสั้นกว่าตัวเราจากการที่ดวงอาทิตย์อยู่ในมุมที่ค่อนข้างตรงตั้งฉากกับศรีษะของเรานั่นเอง ซึ่งได้แก่ช่วงเวลา 11.00-14.00 น. ช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่มีรังสียูวีบีในระดับสูง ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะผิวไหม้จากแสงแดด(sunburn)
ทำความสะอาดผิว และ มาส์กหน้า หลังออกแดด
การทำความสะอาดผิว เพื่อล้างครีมกันแดดออก ควรใช้ผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอาง แล้วจึงค่อยล้างหน้าล้างหน้าตามปกติเพื่อไม่ให้มีสารเคมี ตกค้างและก่อให้เกิดสิว และควรมาส์กหน้าเพื่อปลอบประโลมผิวอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง
หากทำตามแนะนำที่กล่าวไว้ข้างต้น เราก็จะปลอดภัยจากอันตรายที่เกิดจากแสงแดด เพียงเท่านี้ สาวๆ ก็ออกไปลุยทำกิจกรรมสนุกๆ โดยไม่ต้องกังวลกับแสงแดดที่จะมาสร้างปัญหาให้ผิวใสเป็นผิวหมองอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม แสงแดดก็มีประโยชน์เช่นกัน ในแง่ที่กระตุ้นให้มีการสร้างวิตามินดีที่ชั้นผิวหนัง
POSITIF (โพสิทีฟ) ผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง ตามมาตรฐานการผลิตจากญี่ปุ่น โดดเด่นด้วยนวัตกรรมจากญี่ปุ่น (Innovation from Japan) โดยแบรนด์ได้ร่วมมือกับสถาบันวิจัยและพัฒนาชั้นนำของประเทศญี่ปุ่นที่มีประสบการณ์อันยาวนานกว่า 70 ปี ในการรังสรรค์ผลิตภัณฑ์อันทรงคุณค่า พิถีพิถันในการคัดสรรส่วนผสมจากธรรมชาติที่เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ (Japan Secret Ingredient) อย่างพลังจากพฤกษาธรรมชาติ สู่นวัตกรรมการดูแลผิวอย่างแท้จริง โดยแบรนด์เชื่อว่า ความงามที่แท้จริง เริ่มต้นจากความสะอาด แข็งแรง และสุขภาพดีจากภายใน เพื่อเติมเต็มความสุขในการใช้ชีวิต ให้ทุกๆ วันเป็นวันที่สวยงาม...
ขนาดปริมาณสุทธิ 30 กรัม ราคา 980.-
POSITIF ULTIMATE UV PROTECTOR CREAM SPF50+ PA++++
โพสิทีฟ อัลทิเมท ยูวี โพรเทคเตอร์ ครีม เอสพีเอฟ 50 +พีเอ++++ ครีมกันแดดเนื้อบางเบา มอบสัมผัสสบายผิว ไม่เหนียวเหนอะหนะ พร้อมทั้งทาง่าย และเนื้อครีมซึมซาบผิวเร็ว อีกทั้งไม่เป็นคราบระหว่างวัน ให้ประสิทธิภาพสูงสุดในการปกป้องผิวจากรังสียูวีเอและยูวีบี ด้วย SPF 50+ PA++++ (ที่สามารถป้องกัน PA ได้ 16 เท่า) ผสาน Blackberry Leaf Extract ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการเกิดริ้วรอย ฝ้า กระ ความหมองคล้ำจากแสงแดด พร้อมให้ผลลัพธ์ผิวแลดูชุ่มชื้น กระจ่างใส สีผิวดูสม่ำเสมอ และยังช่วยให้แต่งหน้าติดทนมากขึ้น ผลิตภัณฑ์นี้ปราศจากน้ำหอม สารกันเสียประเภท พาราเบน และสีสังเคราะห์ จึงอ่อนโยน จึงไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย และเป็นกันแดดประเภท Physical Sunscreen ที่สาวๆสายเฮลท์ตี้และสามผิวบอบบางยุคนี้ค่อนข้างนิยมกันมาก คือเป็นครีมกันแดดเมื่อทาที่ผิวหนังแล้วจะฉาบเคลือบผิวหนังไว้ มีส่วนผสมของสารที่สามารถสะท้อนรังสี UVA และ UVB ออกไปจากผิวหนัง การันตีด้วยรางวัล BEST FAST ABSORBING SUNSCREEN จาก LISA BEST SUNSCREEN OF THE YEAR 2017 (นิตยสาร Lisa)
วิธีการใช้ หลังบำรุงผิวขั้นตอนสุดท้ายแล้ว ให้ทาครีมกันแดดก่อนแต่งหน้า โดยบีบครีมกันแดดลงบนฝ่ามือ พร้อมแต้มครีมและลูบไล้ให้ทั่วใบหน้าและลำคอ ก่อนออกแดดประมาณ 15-30 นาที
ส่วนผสมทรงประสิทธิภาพ
- Blackberry Leaf Extract สารที่ช่วยกระชับผิวได้ดีเยี่ยม เนื่องจากในรากและใบมีแทนนินสูง สารสกัดจากใบมีคุณค่าในการใช้รักษาผิวเป็นสิว ช่วยต้านอนุมูลอิสระได้อย่างดีเยี่ยม จึงช่วยปกป้องผิวจากริ้วรอยก่อนวัย ให้ผิวหน้ากระจ่างใส ดูสุขภาพดี
- Citrus Depressa Peel Extract ช่วยยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส จึงทำให้ผิวหน้ากระจ่างใส ลดความหมองคล้ำ ฝ้า กระ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปกป้องผิวแพ้ง่าย สิว ระคายเคืองง่าย และชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัย
- Stearyl Glycyrrhetinate มีคุณสมบัติช่วยปลอบประโลมผิวอย่างอ่อนโยน เป็นสารที่ไม่ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว ช่วยป้องกันรอยหมองคล้ำและสีผิวผิดปกติที่เกิดจากการอักเสบ ระคายเคือง รวมถึงการเกิดผื่นแดงจากแสงแดด
- Ethylhexyl Methoxycinnamate สารกันแดดปกป้องผิวจากรังสี UV – B ที่ทำให้เกิดผิวบวมแดง เกิดฝ้า กระ จุดดำ โดยดูดซับรังสีไม่ให้แสงแดดผ่านเข้าสู่ผิว มีคุณสมบัติในการดูดกลืนรังสีที่ UVB เหมาะสำหรับผู้ที่แพ้สารป้องกันแสงแดดในกลุ่ม Para Amino Bensoic Acid จึงไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองต่อผิว อีกทั้งยังช่วยเพิ่มค่า SPF ในครีมกันแดดให้มากขึ้น
- Propylene Glycol เป็นสารประกอบที่ทำหน้าที่เป็นมอยเจอร์ ไรเซอร์ดูดซับความชื้นจากอากาศมาเก็บไว้ที่ผิวหนัง ช่วยป้องกันการระเหยของน้ำจากผิวหนังและทำให้ผิวหนังเก็บความชุ่มชื้นได้ยาว นาน
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับครีมกันแดด
แสงอาทิตย์ประกอบด้วยรังสี 3 ประเภทคือ รังสีอินฟราเรดหรือความร้อน , รังสีที่มองเห็นคือแสงสว่าง และรังสีที่มองไม่เห็นคือ UV ซึงรังสี UV ที่สามารถ ผ่านโอโซนลงมายังพื้นโลกได้คือ UVA1, UVA2 และ UVB รังสี UV ทั้งสามมีพลังทะลุทลวงที่ต่างกันและทำร้ายผิวในระดับที่ต่างกัน ไล่จากมากที่สุดคือ UVA1 , UVA2 ไปจนถึงน้อยที่สุดที่ UVB และสิ่งที่เราไม่เคยรู้คือ แดดอ่อนก่อน 9 โมงกับตอนเที่ยง แดดฤดูหนาวกับฤดูร้อน ปริมาณรังสี UVA1 แทบไม่ต่างกัน แสดงว่าผิวสวยๆของคุณพร้อมจะเสียได้ทุกเวลา จึงหมายความว่า สำหรับผู้หญิงแสงแดดน่าจะเป็นศัตรูมากกว่าเพื่อน
ประเภทของครีมกันแดด 3 ประเภท ดังนี้คือ
1. Chemical Sunscreen เป็นครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของสารเคมี ทำหน้าที่ปกป้องแสงแดด โดยการดูดซับรังสีแสงแดดเข้าไว้ในผิว ซึ่งหลังจากโดนแดดสักพัก สารเคมีเหล่านี้ก็เสื่อมสภาพ นั่นคือสาเหตุที่เราจึงต้องทาครีมกันแดดทุกๆ 2-3 ชั่วโมง การเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงๆ ซึ่งมีส่วนผสมของสารเคมีปริมาณมาก อาจเกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังโดยเฉพาะคนที่มีผิวแพ้ง่าย
2. Physical Sunscreen เป็นครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของสาร ที่สามารถสะท้อนรังสี UVA และ UVB ออกไปจากผิวหนัง ซึ่งสารในกลุ่มนี้จะมีผลระคายเคืองต่อผิวหนัง น้อยกว่าสารในกลุ่มแรก แต่มีข้อด้อยคือ ครีมกันแดดประเภทนี้ไม่สามารถให้ SPF ที่สูงๆ ได้ และเมื่อทาบนผิวหนังแล้ว หน้าจะดูขาวมาก เนื่องจากสารจะเคลือบบนผิวหนังชั้นบน เพื่อรอแสงกระทบ จึงมีการดูดซึมสู่ผิวน้อย
3. แบบผสม Chemical-Physical Sunscreen สารกลุ่มนี้ได้พัฒนาขึ้นมาใหม่ เป็นสารกันแดดที่ทำหน้าที่ทั้งสะท้อนและดูดซับรังสียูวีได้ทั้งสองอย่างในตัวเอง เป็นการเสริมข้อดี ลดข้อด้อยในแต่ละส่วน นั่นคือ ลดการระคายเคืองต่อผิวหนัง จากสารประเภทสารเคมี และลดความขาวเมื่อทาครีม และเสริมประสิทธิภาพ ในการป้องกันแสงแดดร่วมกัน
SPF คืออะไร?
ค่า SPF หรือ Sun Protection Factor เป็นตัวระบุระดับการปกป้องผิวจากรังสี UVB หรือ ก็คือจำนวนเท่าของเวลาที่ผิวทนต่อรังสีอัลตราไวโอเลตนี้ได้หลังจากทาครีมกันแดดแล้ว ซึ่งโดยปกติผิวของเราจะรับมือกับแสงแดดโดยปราศจากครีมกันแดดได้ประมาณ 20-30 นาที ถ้าครีมกันแดดหรือผลิตภัณฑ์นั้นระบุไว้ว่า SPF30 ก็จะหมายถึง เราสามารถอยู่กลางแดดได้ประมาณ 30×30 = 900 นาที หรือ 15 ชั่วโมง โดยที่ผิวไม่ไหม้แดง แต่กระนั้นการคำนวณอาจคลาดเคลื่อนได้ เนื่องจากครีมกันแดดที่ทาบนผิวอาจลบเลือนไปเมื่อเหงื่อออก โดนน้ำ หรือทำกิจกรรมต่างๆในชีวิตประจำวัน ดังนั้น ทางที่ดีที่สุดควรทาครีมซ้ำทุก 2 ชั่วโมง เพื่อให้ประสิทธิภาพในการป้องกันแดดเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
ตัวอย่าง ค่า SPF และ % การปกป้องแสง UV
• ค่า SPF เท่ากับ 15 จะดูดซับ UVB ได้ 93.3%
• ค่า SPF เท่ากับ 30 จะดูดซับ UVB ได้ 96.7%
• ค่า SPF เท่ากับ 50 จะดูดซับ UVB ได้ 98%
PA คืออะไร?
PA ย่อมาจากคำว่า Protection Grade of UVA ในขณะนี้ยังไม่มีหน่วยวัดที่เป็นมาตรฐานในการวัดค่าการดูดซึมของรังสี UVA ดังนั้นจึงถือเอาคำว่า PA เป็นหน่วยวัดรังสี UVA จะเห็นคำว่า PA+, PA++ และ PA+++ ระบุอยู่ที่ผลิตภัณฑ์ป้องกันแดด…ความหมายของ ‘+’ ที่ติดมากับค่า PA หมายถึงความสามารถในการปกป้องผิวจากยูวีเอแบบเท่าตัว พูดง่ายๆ คือเครื่องหมายบวกตัวเดียวจะเท่ากับการป้องกันยูวีเอ 2 เท่า, เครื่องหมายบวกสองตัว หมายถึงการป้องกันยูวีเอ 4 เท่า (2 x 2) และเครื่องหมายบวกสามตัว หมายถึงการป้องกันยูวีเอ 8 เท่า (2 x 2 = 4 x 2 =…)
• PA+ คือมีความสามารถในการป้องกันผิว จากรังสี UVA ได้ 2 เท่า
• PA++ คือมีความสามารถในการป้องกันผิว จากรังสี UVA ได้ 4 เท่า
• PA+++ คือมีความสามารถในการป้องกันผิว จากรังสี UVA ได้ 8 เท่า
• PA++++ คือมีความสามารถในการป้องกันผิว จากรังสี UVA ได้ 16 เท่า
• ค่า PA++++(+) ซึ่งถ้ามี 4 บวก ก็แปลว่าสามารถป้องกันได้ 16 เท่า เกราะป้องกันชั้นสูง ปกป้องผิวจากรังสี UVB และรังสี UVA รวมถึงรังสี UVA1 รังสีที่ทำร้ายลึกถึงชั้นผิว* ต้นเหตุสำคัญของความหมองคล้ำ จุดด่างดำ ฝ้าแดด และริ้วรอยก่อนวัย
เชิญสาวๆ สนุกเริงร่ากับทริปซัมเมอร์อย่างไร้กังวลกับแสงแดด ด้วยผลิตภัณฑ์ตัวช่วยดีๆจากครีมกันแดของ POSITIF ได้แล้ววันนี้ ที่ www.positifthailand.com
|