“เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟฯ” ประเมินไทยท็อปโลกการแพทย์หลากมิติ คาดตลาดเครื่องมือแพทย์ในประเทศยังโต จับมือรัฐ - เอกชน 40 ประเทศชั้นนำ จัดใหญ่โชว์ 1,000 นวัตกรรมแพทย์

 

เอ็นไอเอ - สวทช. รุกหนักผลักดีพเทคฯ – งานวิจัยสร้างแบรนด์นวัตกรรมแพทย์ “เมดอินไทยแลนด์”หนุนการใช้เพิ่มขึ้นในประเทศ และลดนำเข้า พร้อมเผย 3 โอกาสที่ไทยมีโอกาสสูงในอุตฯการแพทย์

 


 

 
         บริษัท เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชีย ผนึกความร่วมมือภาครัฐ เอกชน เร่งเดินหน้าผลักดันประเทศไทยสู่ศูนย์กลางด้านนวัตกรรมการแพทย์และสุขภาพของภูมิภาค เตรียมจัดใหญ่ “MEDICAL FAIR THAILAND 2025”งานแสดงสินค้าชั้นนำระดับนานาชาติที่จัดขึ้นทุกสองปี ซึ่งเป็นเวทีที่รวมผู้ให้บริการด้านสุขภาพ ผู้ผลิตเครื่องมือแพทย์ และนักนวัตกรรม จากกว่า 40 ประเทศ ตอกย้ำบทบาทของประเทศไทยในฐานะประตูยุทธศาสตร์สู่ภูมิภาคอาเซียน พร้อมส่งเสริมการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระดับโลกด้านนวัตกรรมและการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในระบบสุขภาพ

 


 

 
       ด้าน 2 ภาครัฐในไทยได้แก่ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ต่างเน้นย้ำว่า การพัฒนาภาคเทคโนโลยีขั้นสูง (Deep Tech) ควบคู่ไปกับการส่งเสริมนวัตกรรมในประเทศ มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อเร่งการนำเทคโนโลยีไปใช้จริงในประเทศ และยกระดับศักยภาพของประเทศไทยในเวทีอุตสาหกรรมเทคโนโลยีการแพทย์ระดับภูมิภาค ทางด้าน เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชีย ยังได้เน้นย้ำถึงโอกาสสำคัญ 3 ด้านของอุตสาหกรรมการแพทย์ในประเทศไทย ได้แก่ การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพ การผลิตเครื่องมือแพทย์ และโซลูชันการดูแลผู้สูงอายุ โดยทั้งหมดเป็นกลุ่มศักยภาพที่จะขับเคลื่อนการเติบโตของตลาดในประเทศเฉลี่ยปีละ 5.5 – 7.0% ขณะที่การส่งออกคาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่องที่อัตรา 6.5 – 7.5% ต่อปี

 


ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการ สนง.นวัตกรรมแห่งชาติ NIA

 

 
     ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ NIA กล่าวว่า NIA ในฐานะ ‘ผู้กำหนดทิศทางนวัตตกรรม’  มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมของประเทศ โดยมุ่งขับเคลื่อนนวัตกรรมที่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ‘Impact Tech’ ซึ่งนวัตกรรมการแพทย์ขั้นสูงเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์สำคัญที่มีส่วนช่วยทั้งการยกระดับคุณภาพชีวิต การสร้างมูลค่าเศรษฐกิจระดับสูง และสอดคล้องกับเป้าหมายของภาครัฐในการผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Wellness and Medical Service Hub) โดยได้รับแรงหนุนจากหลายปัจจัยสำคัญ เช่น การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุที่เพิ่มความต้องการเครื่องมือทางการแพทย์สำหรับการดูแลระยะยาวและการฟื้นฟูสมรรถภาพ การเพิ่มขึ้นของอัตราการเจ็บป่วยและโรคอุบัติใหม่ ตลอดจนการขยายตัวของตลาดการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่ทำให้สถานพยาบาลในประเทศเร่งยกระดับเทคโนโลยีและเครื่องมือทางการแพทย์เพื่อรองรับผู้ป่วยจากต่างประเทศ

 


 

 
       ดร.กริชผกา กล่าวเพิ่มเติมว่า จากแนวโน้มที่เป็นไปในทิศทางบวก NIA จึงเห็นโอกาสของกลุ่มนวัตกรรมการแพทย์ไทยซึ่งพบว่าจะได้อานิสงส์มากขึ้นจากการเป็นทั้งผู้ผลิตเพื่อใช้ในประเทศ และการสร้างแบรนด์นวัตกรรมไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ โดยหัวใจสำคัญคือ การยกระดับขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีเชิงลึก (Deep Tech) ของไทยให้มีศักยภาพในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านการกำหนดมาตรฐานนวัตกรรมทางการแพทย์ระดับภูมิภาค ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของ NIA ที่มุ่งสนับสนุนการพัฒนาและยกระดับผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีการแพทย์ของไทยอย่างครบวงจร 
       “Deep Tech ด้านการแพทย์ เช่น ปัญญาประดิษฐ์เพื่อการวินิจฉัย (AI Diagnostics) เทคโนโลยีจีโนมิกส์ (Genomics) หุ่นยนต์ทางการแพทย์ (Medical Robotics) และวัสดุทางชีวภาพขั้นสูง (Advanced Biomaterials) เป็นเทคโนโลยีที่มีอัตราการเติบโตสูงทั่วโลก และกำลังกลายเป็นข้อได้เปรียบเชิงโครงสร้างของประเทศที่สามารถพัฒนาได้เอง ทั้งนี้ หากไทยสามารถพัฒนาเทคโนโลยีเหล่านี้ได้อย่างต่อเนื่อง จะไม่เพียงช่วยลดการนำเข้า แต่ยังจะทำให้ผู้ประกอบการไทยมีบทบาทมากขึ้นในภูมิภาค เพราะไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีฐานบุคลากรทางการแพทย์ ระบบสุขภาพ องค์ความรู้ และการเข้าถึงกลุ่มประชากรที่หลากหลาย ทรัพยากรอันทรงพลังเหล่านี้จะทำให้อุตสาหกรรมการแพทย์เติบโตได้อีกด้วย

 


คุณกฤติมา ทุ่มขนอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โปโปโล่ จำกัด

 

       ที่ผ่านมา NIA มีการส่งเสริมเทคโนโลยีเชิงลึกด้านการแพทย์มาอย่างต่อเนื่องภายใต้แนวคิด 4G ได้แก่ Groom การสร้างย่านนวัตกรรมด้านการแพทย์เพื่อจุดประกายแนวทางการสร้างนวัตกรรม และการทดสอบการใช้งานในพื้นที่ ซึ่งปัจจุบันมีย่านนวัตกรรมการแพทย์ 4 แห่ง แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 2 แห่ง ได้แก่ ย่านนวัตกรรมการแพทย์โยธีและย่านนวัตกรรมการแพทย์ ศิริราช จังหวัดเชียงใหม่ 1 แห่ง ได้แก่ ย่านนวัตกรรมการแพทย์สวนดอก และจังหวัดขอนแก่น 1 แห่ง ได้แก่ ย่านนวัตกรรมการแพทย์กังสดาล ส่งต่อด้วย Grant การสนับสนุนเงินทุนพัฒนาธุรกิจนวัตกรรมทางการแพทย์ผ่านกลไกในหลากหลายรูปแบบเพื่อเตรียมความพร้อมสู่ Growth ด้วยโปรแกรมเร่งสร้างการเติบโตด้านการแพทย์ ‘Spear H’ ที่จะขยายผลต่อยอดการลงทุน และสามารถออกสู่ตลาดต่างประเทศ Global และสร้างแบรนด์นวัตกรรมไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับโลก เช่น การเข้าร่วมงาน Medica 2024 ณ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ที่ถือเป็นตลาด MedTech ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปและอยู่ในระดับต้น ๆ ของโลก”
 
       ดร.กริชผกา กล่าวเสริมว่า เพื่อให้สตาร์ตอัปและเอสเอ็มอีไทยกลุ่มนวัตกรรมการแพทย์มีโอกาสขยายตลาดมากขึ้น ในปีนี้ NIA จึงได้ร่วมกับ บริษัท เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชีย และภาคีเครือข่ายภาครัฐ เอกชน นำสตาร์ตอัปภายใต้การสนับสนุนของ NIA จำนวน 8 ราย เข้าร่วม MEDICAL FAIR THAILAND 2025 ซึ่งเป็นเวทีสำคัญที่ไม่เพียงเปิดโอกาสให้สตาร์ตอัปไทยได้นำเสนอนวัตกรรมให้ตรงกับความต้องการของตลาดเป้าหมาย แต่ยังเป็นสะพานเชื่อมให้เข้าถึงเครือข่ายพันธมิตรด้านการแพทย์ระดับภูมิภาค พร้อมต่อยอดสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ และโมเดลธุรกิจ ควบคู่กับการสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเติบโตของนวัตกรรมและเทคโนโลยีการแพทย์ไทยอย่างยั่งยืน และเป็นส่วนสำคัญที่จะสะท้อนความแข็งแกร่งของระบบนวัตกรรมการแพทย์ไทย และส่งเสริมให้เกิดการใช้แบรนด์ไทยที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น 

 


 

 
        รองศาสตราจารย์ ดร.เติมศักดิ์ ศรีคิรินทร์ ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า ประเทศไทยยังคงมีการพึ่งพาการนำเข้าอุปกรณ์ทางการแพทย์และเทคโนโลยีจากต่างประเทศในมูลค่าสูงถึง 6 หมื่นล้านบาทต่อปี สาเหตุสำคัญในอดีตคือการลงทุนด้านวิจัยและพัฒนา (R&D) ในอัตราต่ำ สะท้อนให้เห็นว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่การขาดแคลนไอเดียหรือบุคลากรที่มีความสามารถเพียงอย่างเดียว แต่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่เกี่ยวข้องกับนโยบาย การสนับสนุนที่ยังไม่เอื้อต่อการสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างเต็มที่ ในฐานะหน่วยงานหลักด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมของประเทศ สวทช. จึงให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเชิงลึก (Upstream R&D) เพื่อวางรากฐานที่แข็งแกร่งให้ภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพ ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตประชาชน มุ่งสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการแพทย์ที่สามารถยกระดับศักยภาพในการแข่งขันของประเทศ ลดการพึ่งพาการนำเข้า และผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการแพทย์ครบวงจร (Medical Hub) ของภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะในกลุ่มเครื่องมือแพทย์ 

 


ดร.พสุ สิริสาลี นักวิจัย MTEC

 

 


 

 
      ปัจจุบัน สวทช. มีฐานข้อมูลองค์ความรู้และผลงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับสาขาการแพทย์และสุขภาพกว่า 700 เรื่อง ครอบคลุมตั้งแต่งานวิจัยด้านวัสดุชีวภาพ (biomaterials), อุปกรณ์ฝังร่างกาย (implants), เทคโนโลยีการวินิจฉัยและตรวจโรค, ไปจนถึงเทคโนโลยีชีวภาพและเวชศาสตร์ฟื้นฟู งานวิจัยจำนวนมากพร้อมถ่ายทอดสู่ภาคเอกชนเพื่อต่อยอดเชิงพาณิชย์ได้ ตัวอย่างเช่น M-Bone ‘วัสดุทดแทนกระดูกสำหรับปลูกถ่ายในร่างกายมนุษย์’ ซึ่งเป็นวัสดุทดแทนกระดูกชนิดแรกของประเทศไทยที่ได้มาตรฐานสากล ช่วยลดการนำเข้าวัสดุปลูกกระดูกจากต่างประเทศได้มากกว่าร้อยล้านบาทต่อปี  นอกจากนี้ สวทช.ยังส่งเสริมให้ผลงานวิจัยถูกนำไปใช้ในภาคบริการสุขภาพ  ผ่านความร่วมมือกับโรงพยาบาล มหาวิทยาลัย และผู้ประกอบการนวัตกรรมด้านเครื่องมือแพทย์ เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์ได้จริงในระดับประเทศ
       “สวทช. ไม่ได้หยุดอยู่แค่การพัฒนาเทคโนโลยีในห้องปฏิบัติการ แต่ยังมุ่งสร้างความร่วมมือกับภาคเอกชนและพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ เพื่อถ่ายทอดผลงานวิจัยสู่การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ ต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ระบบสุขภาพยุคใหม่ โดยเฉพาะในบริบทของสังคมผู้สูงอายุ การแพทย์เฉพาะบุคคล และระบบสุขภาพเชิงป้องกัน รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีที่สอดรับกับเทรนด์ใหม่ เช่น IoT, 5G, AI และ Machine Learning  
       เวที MEDICAL FAIR THAILAND 2025 ถือเป็นโอกาสสำคัญในการแสดงศักยภาพของผู้ประกอบการและสตาร์ทอัพไทยต่อสายตานานาชาติ สวทช. พร้อมทำหน้าที่เป็นกลไกสนับสนุนและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเครื่องมือการแพทย์ของประเทศไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนบนเวทีโลก”

 


ซี เลย์ อิง Deputy Portfolio Director Medicare Asia

 

 
       นางสาวซี เลย์ อิง Deputy Portfolio Director MEDICARE ASIA บริษัท เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชีย เปิดเผยว่า จากข้อมูลเชิงลึกของตลาดในภูมิภาคและแนวโน้มการเติบโตของภาคอุตสาหกรรม พบว่าประเทศไทยได้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในจุดยุทธศาสตร์สำคัญของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทางด้านนวัตกรรมการแพทย์ ซึ่งเกิดจากแรงขับเคลื่อนของการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างต่อเนื่อง การเติบโตของอุตสาหกรรมภายในประเทศ และความร่วมมือระหว่างประเทศที่เพิ่มมากขึ้น
      จากความโดดเด่นทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐาน ระบบสาธารณสุขที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ รวมถึงนโยบายจากภาครัฐและภาคเอกชนที่เปิดกว้างต่อการลงทุนในเทคโนโลยีสุขภาพ ซึ่งถือเป็นรากฐานที่เข้มแข็งต่อการขยายตัวทั้งในเชิงเทคโนโลยี นวัตกรรม และบริการสุขภาพระดับนานาชาติ เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชีย ยังได้มีการประเมินโอกาสทางด้านการแพทย์ของไทยซึ่งพบอานิสงส์และดีมานด์สำคัญได้แก่
 
การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพ ภูมิภาคอาเซียนเป็นศูนย์กลางที่สำคัญสำหรับการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพ โดยมีประเทศไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์เป็นผู้ให้บริการชั้นนำ สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทางการแพทย์ด้วยทางเลือกการรักษาที่ราคาไม่แพง มาตรฐานที่ได้การยอมรับ และการดูแลแบบองค์รวม ทั้งนี้ สำหรับประเทศไทยเป็นในปี 2567 ตลาดการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์มีมูลค่า 433.81 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2567 และคาดการณ์ว่าจะเติบโตด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) ที่ 15.24% ไปถึง 1,349.10 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2575 การเติบโตนี้บ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นในคุณภาพและราคาที่เหมาะสมของบริการทางการแพทย์ของไทย
 
อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องมือแพทย์ของไทย ได้กลายเป็นหนึ่งในเสาหลักของระบบนิเวศด้านการดูแลสุขภาพของประเทศ โดยได้รับการสนับสนุนจากฐานอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่ง นโยบายภาครัฐเชิงยุทธศาสตร์ และความต้องการจากต่างประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น ปัจจุบันตลาดเครื่องมือแพทย์ภายในประเทศคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 7% ขณะที่การส่งออกมีแนวโน้มขยายตัวถึง 7.5% ต่อปี สะท้อนบทบาทของไทยในฐานะผู้ส่งออกรายสำคัญของอาเซียน กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ไทยมีศักยภาพโดดเด่น ได้แก่ เวชภัณฑ์สิ้นเปลือง (consumables) อุปกรณ์วินิจฉัยโรค และเครื่องมือฟื้นฟูสมรรถภาพ นอกจากนี้ยังมีมาตรการจูงใจด้านการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) และเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่ช่วยดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ  รวมถึงส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมภายในประเทศ ขณะเดียวกัน การวิจัยและพัฒนาในด้านวัสดุชีวภาพ รากฟันเทียม การวินิจฉัยโรค และเทคโนโลยีการผลิต ยังช่วยเสริมสร้างศักยภาพของไทยในภาคการผลิตเครื่องมือแพทย์มูลค่าสูงอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นการตอกย้ำบทบาทของไทยในฐานะศูนย์กลางสำคัญในห่วงโซ่อุปทานด้านเทคโนโลยีการแพทย์ (MedTech) ในภูมิภาค
 
      การแพทย์เพื่อรองรับประชากรสูงอายุที่เพิ่มขึ้น ไม่เพียงเฉพาะในประเทศไทย แต่ในภูมิภาคอาเซียนกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทางประชากรศาสตร์ที่รวดเร็วที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยประชากรสูงอายุเพิ่มอย่างเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญ ทั้งทางเลือกการดูแล ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้นในกลุ่มผลิตภัณฑ์ บริการ และโซลูชันเพื่อการรักษาต่าง ๆ รวมทั้งยังช่วยผลักดันการเติบโตในอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพ โรงพยาบาล คลินิก บ้านพักคนชรา และบริการดูแลที่บ้าน อีกด้วย

 


 

 
     เพื่อตอกย้ำความสำคัญในเชิงพื้นที่ยุทธศาสตร์ของไทย ในปีนี้จึงมีการงาน MEDICAL FAIR THAILAND 2025 ซึ่งจะมีผู้แสดงสินค้าเข้าร่วมมากกว่า 1,000 ราย จากกว่า 40 ประเทศทั่วโลก รวมทั้ง 20 พาวิลเลียนไทยและนานาชาติครอบคลุมเทคโนโลยีและโซลูชันในหลายสาขา อาทิ กลุ่มโรงพยาบาล การวินิจฉัย ยา เวชภัณฑ์ เวชศาสตร์ฟื้นฟู และ Digital Health ภายในงานยังจัดให้มีสัมมนาและเวิร์กชอปเฉพาะทางควบคู่กัน ซึ่งครอบคลุมหัวข้อด้านนวัตกรรมและเทรนด์ในอุตสาหกรรมสุขภาพ เวชศาสตร์ฟื้นฟู และประเด็นสำคัญอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง  ซึ่งงานนี้สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องของภาคอุตสาหกรรม ทั้งจากศักยภาพด้านการผลิตเครื่องมือแพทย์ที่เพิ่มขึ้น ไปจนถึงความต้องการที่มากขึ้นในการดูแลผู้สูงอายุ งาน MEDICAL FAIR THAILAND ในปีนี้จึงได้เปิดตัวโซนจัดแสดงใหม่หลายรายการที่สอดรับกับแนวโน้มสำคัญของอุตสาหกรรม ดังนี้ โซน LaunchPad เน้นนำเสนอผลงานของสตาร์ทอัปและนวัตกรรมก้าวล้ำ ขณะที่โซน Community Care จะให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีเพื่อการดูแลผู้สูงอายุ การฟื้นฟูสมรรถภาพ และการดูแลระยะยาว ส่วนโซน Medical Manufacturing ที่ขยายขนาดของพื้นที่มากขึ้นกว่าเดิม จะนำเสนอการผลิตเครื่องมือแพทย์มูลค่าสูง ครอบคลุมทั้งเทคโนโลยีระบบการผลิตขั้นสูง อุปกรณ์ทางการแพทย์ ระบบอัตโนมัติ และนวัตกรรมด้านวัสดุ สะท้อนบทบาทของงานแสดงฯ ต่อการขับเคลื่อนและสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมในหลากหลายมิติ

 


 

 
       Medical Fair Thailand 2025 จะจัดร่วมกับงาน GITEX Digi Health และ Biotech Thailand เป็นครั้งแรก โดยทั้งสองงานได้รับแรงบันดาลใจจาก GITEX GLOBAL หนึ่งในมหกรรมแสดงเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพในการนำเสนอเทคโนโลยีล้ำสมัยและนวัตกรรมด้านสุขภาพในระดับสากล  นอกจากนี้ Medical Fair Thailand ยังได้รับการสนับสนุนจากหลากหลายหน่วยงานจากภาครัฐและภาคเอกชน อาทิ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) โดยกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-12 กันยายน 2568 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ติดตามการจัดงาน MEDICAL FAIR THAILAND 2025 ได้ที่ www.medicalfair-thailand.com

 


 

 

 

 

More
No7 แบรนด์สกินแคร์อันดับ 1 จากประเทศอังกฤษ ชูนวัตกรรม ‘Pure Retinol’ ทรงประสิทธิภาพ ลดเลือน 10 สัญญาณผิวแก่ใน 2 สัปดาห์
GO! HOTEL ร่วมกับ AIS และ Sukishi ปล่อยแพ็กเกจวันแม่โดนใจ “จ่ายครั้งแรกราคาเต็ม จ่ายครั้งต่อไปเท่าอายุคุณแม่!”
แมคโดนัลด์ ติดสปีดขยายสาขากลางใจเมือง ใหม่ล่าสุด! สาขา ‘พารากอน ซีนีเพล็กซ์’
“KT OPTIC” ผนึกกำลัง “อายลิ้งค์ วิชั่น” เขย่าตลาดแว่นตาแฟชั่นครึ่งปีหลัง ส่ง “ลาคอสท์” คอลเลกชัน "Fall-winter 2025" พร...
Element72 ชวนสัมผัส “ENT.” คอนเซ็ปต์สโตร์มัลติแบรนด์แห่งใหม่ เสิร์ฟไอเทมลิมิเต็ดสุดเอ็กซ์คลูซีฟ
Others
“เอก-ดอม” เปิดซิงปะทะบู๊ คู่หูคู่ใหม่ ใน “ทิวลิปทอง”
Deadpool ฮีโร่ล่าสุดสายเกรียนจากมาร์เวล
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดงาน “สีสันแห่งสายน้ำ มหกรรมลอยกระทง” ประจำปี 2560 ภายใต้แนวคิด “ศรัทธาวิถีแห่งสายน้ำ”
“ชิดชญา-สมัชญ์พล”ผู้บริหารบาบาร่า คว้ารางวัลแป้งขายดีที่สุดในร้าน EveandBoy
"PRE ROLL" สุดมันส์! O.T. Genasis นำทีมโชว์เดือด พร้อมประกาศเซอร์ไพรส์ "Playboi Carti" ร่วม Rolling Loud Thailand 2024
Latest
เติมเต็มกิจวัตรผิวอ่อนเยาว์ของคุณ ด้วยผลิตภัณฑ์ No7 Pure Retinol กับ 3 สูตรไฮไลต์
No7 แบรนด์สกินแคร์อันดับ 1 จากประเทศอังกฤษ ชูนวัตกรรม ‘Pure Retinol’ ทรงประสิทธิภาพ ลดเลือน 10 สัญญาณผิวแก่ใน 2 สัปดาห์
หยุดวงจร HIV เริ่มที่เรา! แพทย์ชี้ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือ เร่งสร้างความเข้าใจ-ป้องกันถูกวิธี ลดการแพร่ระบาด
GO! HOTEL ร่วมกับ AIS และ Sukishi ปล่อยแพ็กเกจวันแม่โดนใจ “จ่ายครั้งแรกราคาเต็ม จ่ายครั้งต่อไปเท่าอายุคุณแม่!”
แมคโดนัลด์ ติดสปีดขยายสาขากลางใจเมือง ใหม่ล่าสุด! สาขา ‘พารากอน ซีนีเพล็กซ์’

 

 

Top Hits
“พีพี กฤษฏ์” ขึ้นแท่นพรีเซนเตอร์นมพิสทาชิโอแบรนด์ ซันคิสท์ แบรนด์ระดับโลก พร้อมร่วม ครีเอทเมนูสุดพิเศษด้วยนมพิสทาชิโอที่...
มัดรวมภาพประทับใจจากงาน เนสกาแฟ โกลด์ เครมมา คอลแลปส์ แจ็คสัน หวัง เนรมิต “เดอะ ไฟน์เนส แมนชั่น”
Za DEEP HYDRATION ผิวเปล่งปลั่งอิ่มน้ำมีประกาย สวยตั้งแต่วินาทีนี้
ลดอาการปวดเมื่อยด้วย “ท่านอนที่ถูกวิธี”
Bruce Jenner ตัดสินใจเป็นผู้หญิงในวัย 65 ปี
“เก้า - สุภัสสรา” ชวนช้อปสนุกสุดฟิน กับบัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน สิทธิพิเศษเหนือระดับ ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ ที่ศูนย์กา...
10 อันดับอาหารคอเลสเตอรอลสูง