“ลมพิษเรื้อรัง”….โรคใกล้ตัวที่ถูกมองข้าม
category: Health
tag: โรคลมพิษ แพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล โรคลมพิษชนิดเรื้อรัง โรคลมพิษชนิดเฉียบพลัน
ท่ามกลางสภาวะอากาศที่แปรปรวน ทั้งแดดออก อากาศร้อน ฝนตก อากาศเย็นอับชื้น อาจช่วยกระตุ้นก่อให้เกิดโรคต่างๆ ได้ง่ายขึ้น
หนึ่งในนั้นคือโรคลมพิษแบบเฉียบพลัน ที่เมื่อกล่าวขึ้นทุกคนจะรู้จักเป็นอย่างดี แต่เชื่อว่าหลายๆ คน อาจจะยังไม่รู้จักโรคลมพิษแบบเรื้อรัง ซึ่งมีลักษณะอาการที่คล้ายกับโรคลมพิษแบบเฉียบพลันที่ผู้ป่วยจะต้องทรมานกับอาการผื่นคันอยู่ตลอดเวลา ทั้งยังมีผลต่อบุคลิกภาพและความสวยงามของผู้ป่วย รวมถึงกระทบต่อการทำงานและการดำเนินชีวิตประจำวันอีกด้วย
ศ.พญ.กนกวลัย กุลทนันทน์หัวหน้าภาควิชาตจวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เปิดเผยว่า โรคลมพิษ เป็นโรคที่ผิวหนังมีลักษณะเป็นผื่นหรือปื้นนูนแดง ไม่มีขุย มีขนาดได้ตั้งแต่ 0.5 หรืออาจถึง10 ซม.เกิดขึ้นเร็วและกระจายตามตัว แขนขา มีอาการคันแต่ละผื่นมักจะคงอยู่ไม่นาน โดยมากมักไม่เกิน 24 ชั่วโมง ผื่นนั้นก็จะราบไปโดยไม่มีร่องรอย แต่ก็อาจมีผื่นใหม่ขึ้นที่อื่น ๆ ได้ ผู้ป่วยบางรายอาจมีริมฝีปากบวม ตาบวม (Angioedema)โรคลมพิษแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่
- โรคลมพิษชนิดเฉียบพลัน(acute urticaria) คืออาการผื่นลมพิษเป็นมาไม่เกิน6 สัปดาห์ สาเหตุส่วนใหญ่มักเป็นปฏิกริยาต่อการติดเชื้อเช่น เป็นไข้หวัด บางรายเกิดจากยา อาหาร แมลงกัดต่อย เมื่อแก้ปัญหาที่สาเหตุแล้วอาการก็จะดีขึ้นอย่างไรก็ตามในผู้ป่วยบางรายก็หาสาเหตุที่ชัดเจนไม่ได้ ผู้ป่วยโรคลมพิษชนิดเฉียบพลันรายที่มีอาการรุนแรง อาจมีอาการแสดงที่อวัยวะอื่นได้ เช่น อาการปวดท้อง แน่นจมูก คอ หายใจไม่สะดวก แน่นหน้าอก หอบหืด หรืออาจเป็นลมจากความดันโลหิตต่ำ แต่จะพบได้น้อยโรดลมพิษชนิดเฉียบพลันมักจะหายภายใน 2-3 สัปดาห์ประมาณร้อยละ 10-20 ของผู้ป่วยโรคลมพิษชนิดเฉียบพลัน ผื่นอาจขึ้นต่อเนื่องไปจนเป็นลมพิษเรื้อรัง
- โรคลมพิษชนิดเรื้อรัง (chronic urticaria)ผู้ป่วยจะมีอาการผื่นลมพิษเป็นๆหายๆอย่างน้อย 2 วันต่อสัปดาห์ต่อเนื่องกันนานเกิน 6 สัปดาห์ขึ้นไป ซึ่งมีทั้งชนิดที่ทราบสาเหตุกระตุ้นเช่น การติดเชื้อ ยา ระบบฮอร์โมน หรือเกิดจากปัจจัยทางกายภาพ และชนิดไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจนซึ่งมักจะเป็นความแปรปรวนภายในร่างกายเอง
ในต่างประเทศมีข้อมูลว่าโรคลมพิษชนิดเรื้อรังพบประมาณร้อยละ 0.5-1 ของประชากร ในประเทศไทยยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน แต่จากสถิติผู้ป่วยนอกแผนกผิวหนังโรงพยาบาลศิริราช พบผู้ป่วยโรคลมพิษประมาณร้อยละ2-3 ของผู้ป่วยที่มารับการรักษาโรคผิวหนัง โรคลมพิษเรื้อรังสามารถพบได้ในทุกกลุ่มอายุ อุบัติการณ์สูงสุดในกลุ่มประชากรวัยทำงาน อายุระหว่าง 20-40 ปีอาจเป็นได้ว่าเนื่องจากกลุ่มวัยทำงานมักมีอาการเครียดสะสมและอาจละเลยต่อการดูแลสุขภาพอนามัยของตนเอง จึงทำให้เกิดโรคดังกล่าวได้มากขึ้น
อย่างไรก็ตามโรคลมพิษเรื้อรังนั้นมีผลกระทบอย่างมากต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย ทั้งด้านบุคลิกภาพการทำงาน การเรียน การดำเนินชีวิตประจำวันความสัมพันธ์ทางเพศการนอนหลับและยังก่อให้เกิดความเครียดอีกด้วย เนื่องจากผื่นและอาการคันที่อาจเป็นๆหายๆ โดยเฉพาะในรายที่ไม่ทราบสาเหตุหรือสิ่งกระตุ้นที่ชัดเจน อาจมีภาวะความเครียดที่สูงขึ้นเพราะผู้ป่วยจะไม่สามารถทราบได้ว่าจะมีอาการเกิดขึ้นเมื่อไหร่ และไม่สามารถหลีกเลี่ยงจากปัจจัยกระตุ้นได้ ทั้งนี้ผู้ป่วยผื่นลมพิษสามารถปฏิบัติตัวเพื่อบรรเทาอาการได้ ดังนี้
- งดสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดลมพิษตามที่แพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด
- นำยาต้านฮีสตามีนติดตัวไว้เสมอ เพื่อให้ใช้ได้ทันทีหากมีอาการ
- ทำจิตใจให้สบายไม่เครียด
- ไม่แกะเกาผิวหนัง เนื่องจากอาจทำให้เกิดผิวหนังอักเสบจากการเกา
- รับประทานยาตามแพทย์สั่ง หากยาทำให้เกิดอาการง่วงซึม จนรบกวนการทำงานหรือการขับขี่ยานพาหนะ ควรแจ้งแพทย์เพื่อพิจารณาการให้การรักษาต่อไปตามความเหมาะสม
- อาจใช้ calamine lotion ทาบริเวณผื่นลมพิษเพื่อช่วยลดอาการคัน แต่ยานี้ไม่ได้ทำให้ผื่นหาย
“สำหรับผู้ป่วยโรคลมพิษที่มีอาการรุนแรง โดยเฉพาะกลุ่มโรคลมพิษเฉียบพลัน ที่มีอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก ปวดท้อง มีอาการหน้าบวม ตาบวม ปากบวมอย่างมาก ควรรีบพบแพทย์โดยเร็ว เนื่องจากอาการเหล่านี้อาจส่งผลให้เกิดอาการหอบหืดจนอันตรายถึงชีวิตได้แต่ในรายที่มีอาการชนิดเรื้อรัง เป็นๆหายๆ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาตามแนวทางการรักษาโรคลมพิษเรื้อรังต่อไป กรณีที่สามารถสืบค้นจนทราบสาเหตุและแก้ไขสาเหตุได้ เมื่อรับประทานยาต้านฮิสตามีนไปแล้วผื่นลมพิษมักหายได้เร็วเช่นเดียวกับผู้ป่วยที่เป็นโรคลมพิษชนิดเฉียบพลัน
แต่หากหาสาเหตุไม่พบหรือเป็นสาเหตุที่แก้ไขไม่ได้โดยง่าย แพทย์จำเป็นต้องให้ยาตั้งแต่ 1 ชนิดขึ้นไปเพื่อควบคุมอาการผื่นลมพิษให้ได้และเมื่อควบคุมอาการได้แล้วจึงค่อย ๆ ลดยาลงจนถึงพยายามหยุดยาเพื่อควบคุมโรคในระยะยาว ทั้งนี้ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการเรื้อรังนานเป็นปีซึ่งในปัจจุบันมีทางเลือกในการรักษาที่มากขึ้นทั้งยารับประทานและยาฉีด เพื่อช่วยบรรเทาอาการและช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้แต่อย่างไรก็ตามผื่นลมพิษชนิดเรื้อรังส่วนใหญ่มักจะไม่รุนแรง ผู้ป่วยและญาติจึงไม่ควรวิตกกังวลมากเกินไป”
|