“พลอย-ภัทรากร” ตื่นเต้นขึ้นแท่นนางเอก “กระสือมหานคร” เต็มตัว
category: Entertainment - Thai Stars
ขึ้นแท่นรับบทนางเอกเต็มตัวในละคร “แฟนตาซี-คอมเมดี้” เรื่อง “กระสือมหานคร” ของผู้จัดป้ายแดง “ต้อง-จุลวุฒิ” ค่าย “ชลลัมพี บราเธอร์” นางเอกหน้าหวาน “พลอย-ภัทรากร” เต้นตื่น พร้อมเรียนรู้บทบาทใหม่เต็มที่
“ตื่นเต้นค่ะ กับบทบาทนางเอกเต็มตัวครั้งแรก และเป็นการเปลี่ยนแปลงคาแรคเตอร์ของพลอย จากหวานๆเรียบร้อยๆ มาเป็นสาวเปรี้ยวเฉี่ยว มั่นใจในตัวเอง ในละครกระสือมหานคร ที่สำคัญละครเรื่องนี้เป็นละครซ้อนหนังอีกทีหนึ่ง เรื่องราวจะเกี่ยวกับตำนานกระสือ แต่พี่ต้องผู้จัดนำเสนอในแง่มุมที่ที่ประมาณว่า คนน่ากลัวกว่าผี พลอยจะเป็นกระสือร่วมสมัย คืออยู่ในเมืองกรุง สวย ไฮโซ ในเรื่องนี้พลอยเล่นคู่กับพี่ณัฐรัฐ ซึ่งรับบทเป็นผู้กำกับขาวีนขี้หงุดหงิด เป็นคู่กัดกับพลอยตลอด เพราะในอดีตเราเคยหักอกเค้าตอนเค้ามาจีบ พอเค้ามาเป็นผู้กำกับก็ได้ทีแก้แค้น ต้องประทะคารมไม่มีใครยอมใคร ในหนังพลอยจะเป็นกระสือที่ทำร้ายทุกคน แต่ชีวิตใจในละครจับพลัดจับพลูกลืนน้ำลายกระสือไปโดยไม่รู้ตัว ทำให้ต้องสืบทอดการเป็นกระสือ แล้วยังถูกตามล่าเพื่อเอาไปเป็นของสะสม ถูกทำร้ายหนักมาก แต่ก็พยายามสู้กับตัวเองไม่ให้กระสือครอบงำ ซึ่งการทำงานต้องจิตนาการเยอะ เหนื่อยเพราะต้องถ่ายไปทำซีจีและเอฟเฟคซ์ แต่สนุกค่ะ ได้ทำอะไรใหม่ๆ ยังไงก็ฝากละครเรื่องนี้ด้วยนะค่ะ”
ถือว่าเป็นละครที่ถ่ายยากมากเพราะว่าต้องถ่ายรับหลายมุม ถ้าเกิดว่าเราใส่ชุดกรีนเล่นกับกรีนก็จะต้องเล่นหลายครั้งค่ะ มีขึ้นสลิงด้วย แรกๆที่เปิดก้องจะไปถ่ายที่ป่าค่ะ ส่วนใหญ่เข้าป่าๆแล้วหลังๆค่อยกลับเข้ามาสู่มหานครเพราะว่าเป็นกระสือมหานคร ตอนที่เล่นก็คิดเองว่าเราจะเป็นกระสือแบบไหน คือพลอยเล่นแต่ดราม่าตลอด พอมาเล่นคอเมดี้ก็เลยทำให้เรารู้ว่ามันก็มีวิธีการเล่นแบบนี้เหมือนกัน ครั้งแรกเล่นก็ดาวน์มากเพราะว่าดูเศร้าหมอง แล้วแม่หนูพี่ต้องเค้าก็ส่งให้ไปเรียนแอ็คติ้งคือเรียนไปด้วยถ่ายไปด้วยในช่วงแรกๆ แล้วก็จะปรับจากสไตล์ดราม่ามาคอเมดี้ ซึ่งมันจะมีจังหวะ ได้รู้จักได้เรียนรู้เทคนิคใหม่ๆ คือตัวนางเอกเป็นคนที่ตลกด้วยแล้วด้วยสถานการณ์ต่างๆมันก็ต้องตลก ตอนแรกจะเล่นแบบดาร์คเศร้าเสียใจก็เลยเปลี่ยนวิธีคิดเปลี่ยนวิธีเล่น
ละครเรื่องนี้ทำให้หนูได้เล่นทุกอย่างเลยค่ะ หนึ่งคือแนวแฟนตาซี และไม่เคยเล่นกรีนมาก่อนซึ่งต้องเล่นคนเดียวด้วย ก็ไม่เคยเล่นมาก่อนเลยไม่ถนัดเราก็เลยได้ฝึกตรงนี้ คือการเล่นกรีนเราต้องจินตนาการเอง ครบทุกอย่างเลยละครเรื่องนี้ แฟนตาซี โรแมนติก ดราม่า ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะได้มาเล่นละครผี และเป็นผีกระสือ พอรู้และผู้ใหญ่ที่ช่องบอกก็ตกใจค่ะ กระสือเหรอแล้วก็คิดภาพสไตล์พี่ต้อม รชนีกรมาเลยว่าจะต้องน่ากลัวแน่เลย แต่ทางผู้ใหญ่เค้าก็ได้คุยกันแล้วว่าอยากให้เป็นกระสือแบบน่ารัก เป็นอีกมุมนึงของกระสือ จนหนูเล่นแล้วรู้สึกว่ากระสือคือคนที่มีพลังพิเศษเท่านั้น ถอดหัวไปช่วยคน
การร่วมงานกับณัฐรัฐ
เค้าตัวสูงค่ะ (หัวเราะ) มันจะมีฉากที่พลอยใส่รองเท้าแตะแล้วเข้าฉากกับเค้า แล้วเค้าสูงมากในมุมกล้องดูห่างกันมากเลยค่ะ เค้าเป็นพี่พลอยหนึ่งปี เค้าใจดีแล้วเค้าก็ทำการบ้านหนักมาก ในบทเราแรกๆจะไม่ชอบหน้ากันค่ะ เค้าเคยจีบเรา แต่ว่าเราไม่ชอบเค้า เพราะว่าเราชอบผู้ชายหล่อรวยเท่ๆเป๊ะๆเพราะว่าเราเป็นผู้หญิงเป๊ะ แต่ว่าพอมาเจอเค้าที่แบบเซอร์ๆเราก็รับไม่ได้ ไม่ชอบคือเค้าจีบเราตั้งแต่สมัยเรียน แล้วพอได้มาทำงานด้วยกันก็เลยไม่อยากจะร่วมงานด้วย แต่เค้าเป็นคนที่ห่วงใยเราตลอดคอยถามนู่นถามนี่เราก็รำคาญ หลังๆมาเค้าก็เริ่มพิสูจน์ว่าทุกครั้งที่เรามีปัญหาเค้าไม่เคยหนีไปไหนเลย เราก็เลยรู้สึกดี และมองย้อนกลับไปว่าคนที่เราคิดว่าเค้าจะอยู่ข้างเราแต่เค้ากลับทิ้งเราไปหมดเลย
ตอนหลังพอเค้ารู้ว่าเป็นกระสือเค้าก็ช็อคค่ะวิ่งหนีไปตั้งสติแป๊บนึงแล้วเค้าก็กลับมา เค้าเคยเจอเราตอนที่เราเป็นกระสือค่ะเค้าก็กลัวและไล่เรา เราก็รู้สึกเสียใจ คือตอนนั้นเค้าไม่รู้ว่าเป็นเราด้วยค่ะ แต่ว่าพอรู้แล้วเค้าก็ทิ้งเราไม่ลงค่ะ. คนแรกที่รู้ว่าเราเป็นกระสือก็คือหนูนาที่เป็นเพื่อนสนิทเรา คือเรามาอาศัยบ้านเค้าอยู่ เพราะว่าบ้านเรามีปัญหา พ่อเราล้มละลาย คนที่สองที่รู้ก็คืออาจารย์ที่เชี่ยวชาญด้านผีไทยคืออาสมเล็ก ต่อมาก็คือเจตน์ ชานนท์ อาจารย์โก๋ ต่อมาคือแฟนเก่าเราก็คือพี่โกสินทร์ พอเค้ารู้เค้าก็จะวางแผนที่จะแฉเรา อาจารย์โก๋ก็จะเอาเราไปโชว์ตัวเก็บตังค์ หวังผลประโยชน์จากเรา อย่างพี่แหม่มกับพี่โบว์ โชติมาเค้าก็ไม่ชอบเราอยู่แล้วในวงการ อยากเห็นเราเป็นทุกข์ก็จะมาอยู่ฝั่งอาจารย์โก๋กันเล่นเรื่องนี้แล้วทำให้ได้แง่คิดหลายอย่างเลยค่ะ ทำให้เรารู้ว่าใครที่รักเราจริง ใครที่ไม่คิดจะทิ้งเรา
ร่วมงานกับทีมแม่หนูครั้งแรก
แม่หนูใจดีมาก ดูแลดีแล้วก็ให้เรียนการแสดง อาหารการกินก็เยอะ พลอยไปเรียนการปรับพื้นฐานค่ะ ทุกคนก็จะมาเรียนด้วยกัน เรียนประมาณ3-4 เดือนเลยค่ะ ถ่ายไปด้วยเรียนไปด้วย ถ่ายละคร 4 วัน เรียนการแสดง 3 วัน ถ้าเราว่าเราก็มาเรียนค่ะ แม่หนูพี่ต้องพี่ต้นใจดีมากค่ะ คือแรกๆที่หนูมาเราก็เล่นสไตล์ดราม่าพอมาจับอะไรก็จะดูหนักเครียดเค้าก็บอกว่านี่เป็นละครเย็นละครคอเมดี้ เราก็ต้องปรับวิธีการเล่น รวมทั้งการพูดด้วยเพราะว่าปกติหนูก็เล่นแต่พีเรียดอีก คือแรกๆไปไม่เป็นเลยค่ะ คิดหนักและคิดยากเลย แต่จริงๆมันไม่ได้ยากขนาดนั้น ก็เลยต้องเปลี่ยนวิธีการคิดใหม่ เปลี่ยนวิธีการเดิน พูดให้ฉับไวขึ้น หยิบจับอะไรก็ต้องกระฉับกระเฉง แม่หนูก็จะคอยให้กำลังใจค่ะเวลาเราทำอะไรไม่ได้ก็จะคอยให้กำลังใจไม่ได้พูดให้เรารู้สึกท้อหรือไม่ดี ไม่รีบและให้โอกาสมาตลอด หนูรู้สึกดีใจมากค่ะ คือเราก็ยังใหม่กับงานแสดง เรื่องนี้เป็นละครเรื่อง ที่ 3 เอง ได้มาเล่นละครปัจจุบันบ้างก็ยอมรับเลยว่าสนุกเหมือนแต่ละอย่างก็จะมีเสน่ห์กันคนละแบบ
|